วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2561



 

โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

วันพุธที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ.2561

พระนิพนธ์ ธมฺมพนฺโธ

แสดงธรรมเรื่อง ต้นแบบผู้นำแห่งความดี

ห้อง SPD 4 สภาธรรมกายสากลฯ

………………………………………….

ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กราบคารวะพระเถรานุเถระพระเถระ และเพื่อนสหธรรมิกทุกรูป ขอเจริญพรนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทุกท่านนะ

วันนี้ตรงกับวันพุธที่  25 กรกฎาคม พุทธศักราช 2561  ก็ถือว่าเป็นช่วงของฤดูฝน เมื่อถึงช่วงฤดูฝนเราก็จะนึกถึงช่วงการเข้าพรรษา ก็คือการอยู่จำพรรษาของพระภิกษุผู้ที่อธิษฐานจิตอยู่ในอาวาสอันควรตลอดระยะเวลา 3 เดือน เพื่อทบทวนพระธรรมวินัยและฝึกฝนอบรมตนเอง   ของญาติโยมด้วย ญาติโยมก็เช่นเดียวกัน สาธุชนผู้ประพฤติปฏิบัติดีต้องอยู่ในธรรมวินัยในโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติที่ ฆราวาสพึงปฏิบัติ

ขึ้นชื่อว่าเป็นมนุษย์ มนุษย์เกิดมาทุกคนก็ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ ใครที่สั่งสมมาดีพร้อม ก็ได้อัตภาพความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งรูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ และคุณสมบัติ บางท่านสั่งสมบุญพร่องมา ก็อาจจะได้รูปสมบัติมา ไม่เต็มเปี่ยมบริบูรณ์ ก็ถือว่าต้องหมั่นสั่งสมบุญกัน ต่อไป ทีนี้มนุษย์เราทุกคนที่เกิดมา ก็ต้องมาศึกษาหาความรู้มีตำราบางเล่มบางท่านบอกว่ามนุษย์เกิดมาพร้อมกับความไม่รู้ที่เรียกว่าอวิชชา

อวิชชาความไม่รู้เกิดมาพร้อมกับมนุษย์ ซึ่งแตกต่างจากสินค้า หรือเข้าของอื่นๆ สมมุติว่าเราไปซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาก็จะมีพนักงานขายและคู่มือแนบมาด้วย ว่าอุปกรณ์นี้ใช้อย่างไรเหมาะกับงานประเภทไหน

 แต่ว่ามนุษย์เราเมื่อออกมาจากครรภ์มารดาแล้ว เราไม่ได้ถือคู่มือออกมาด้วย คุณแม่ก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะต้องเลี้ยงอย่างไร เด็กคนนี้มีความถนัดแบบไหน สุดท้ายแล้วทุกอย่างมาหาเอาตอนที่โตขึ้นมาเรียนรู้ไปพร้อมๆกันจากคุณพ่อคุณแม่ก็ดี จากสิ่งแวดล้อมก็ มนุษย์แต่ละคนก็พกความไม่รู้ติดตัวมาด้วย

ทีนี้เราจะทำอย่างไรดีกับชีวิตนี้ กับอัตภาพนี้ ในชาตินี้ให้ได้เกิดประโยชน์สูงสุด เราก็จำเป็นต้องหาต้นแบบ ในการดำเนินชีวิต  ก็มีหลายแบบอีกเช่นเดียวกัน มีทั้งแบบที่ดี และแบบที่ไม่ดี แบบที่ไม่ดีก็นำพาไปสู่ทุคติภูมิ แต่ถ้าเป็นแบบที่ดีแบบไหนที่เรียกว่าดีที่สุด

จากการศึกษามาของพระอาจารย์ ของครูบาอาจารย์ ศึกษามาครบถ้วนบริบูรณ์แล้วสามาระสรุปได้ว่าในพุทธันดรนี้บุคคลต้นแบบที่ดีที่สุดกาคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ถือว่าเป็นบุคคลต้นแบบ ที่ควรยึดถือควรปฏิบัติตาม เพราะว่าพระองค์สั่งสอน ทั้งมนุษย์และเทวดา เอาความรู้ที่พระองค์ได้สั่งสมมาในแต่ละชาติด้วยญาณทัศนะของพระองค์ เอามาสั่งสอนมนุษย์ให้ ดำเนินรอยตามว่าอย่างไร คือสิ่งที่ผิดอย่างไรคือสิ่งที่ถูกโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของกฎแห่งกรรม

กฎแห่งกรรมถ้าไม่ได้การตรัสรู้ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยากนักที่จะมีใคร ไปทราบว่าในธรรมชาตินั้น มีกฎตัวนี้อยู่ และเราทุกคนก็ยังอยู่ภายใต้กฎ นี้ชื่อว่ากฎแห่งกรรม

ดังนั้นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงเป็นบุคคลต้นแบบที่เราควรยึดถือปฏิบัติเอาเบื้องต้นก่อน เบื้องต้นในเรื่องของกายภาพ กายภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ลักษณะมหาบุรุษ 32 ประการ    ถือว่าเป็นร่างกายที่ แข็งแรงที่สุดแข็งแกร่งที่สุดและงดงามที่สุดได้กายมหาบุรุษ 32 ประการ กายนี้ไม่ได้มาด้วยความบังเอิญ แต่ได้มาด้วยการสั่งสม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสบอกกับพุทธสาวกว่า

ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ครั้นพระตถาคต เกิดเป็นมนุษย์ในชาติปางก่อน เป็นผู้ยึดมั่นในกุศลธรรม มั่นคงไม่ถอยหลังให้ มีกายสุจริต วจีสุจริต มโนสุจริต ยึดมั่นในการบำเพ็ญทาน สมาทานศีล รักษาอุโบสถ ปฏิบัติดีในมารดาบิดา สมณพราหมณ์ เป็นผู้เคารพต่อผู้ใหญ่ในตระกูล และมีความเคารพยิ่งในพระธรรม ตถาคตย่อมเข้าถึงสุคติโลกสวรรค์ อันเนื่องมาจากกรรมที่ตถาคตได้ทำ สั่งสมเพิ่มพูนไว้ ตถาคตย่อมครอบงำเทวดาทั้งหลายในโลกสวรรค์ โดยสถานทั้ง 10  คืออายุทิพย์ วรรณทิพย์ ความสุขทิพย์ ยศทิพย์ ความเป็นอธิบดีทิพย์ รูปทิพย์ เสียงทิพย์ กลิ่นทิพย์ รสทิพย์ และโผฏฐัพพะทิพย์ ครั้นจุติจากโลกสวรรค์มาเกิดเป็นมนุษย์ ย่อมได้มหาปุริสลักษณะ  ครบถ้วนทุกประการ

นี้คือพระองค์สะสมมา ตั้งแต่ตั้งความปรารถนาเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทีนี้ก็เลยได้ลักษณะกายมหาบุรุษ ซึ่งเป็นกายที่เหมาะ ซ้อนกับกายธรรม แล้วมีพลานุภาพแข็งแรง แข็งแกร่งมาก ประกอบด้วยอะไรบ้างมี 32 ประการ ใครเป็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาในยุคก่อนๆ คุณครูไม่ใหญ่ก็จะมานำมาเล่าให้ฟังวันนี้พระอาจารย์ก็นำมาบางส่วน ให้พอนึกภาพออกว่า กายลักษณะมหาบุรุษเหมือนหรือแตกต่างจากร่างกายของเราอย่างไร

อย่างแรก กายมหาบุรุษของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระบาททั้งสองจะประดิษฐานเรียบสนิท ใต้ฝ่าพระบาทของพระองค์ มีลายคล้ายจักร เกิดจากยังธรรมจักรให้หมุนไป  และก็ยังสรรพสัตว์ทั้งหลายให้บรรลุมรรคผลนิพพานนับไม่ถ้วน เท้าของพระองค์จะแนบ ชิดติดกัน ของเราจะเป็นโค้งโค้งเป็นตะปุ่มตะป่ำแต่ของพระองค์จะแนบชิดติดกันเส้นลายเท้าเป็นรูปจักรสวยงาม

พระพุทธองค์มีส้นพระบาทยาวเสมอ ส้นเท้ากลมงาม มีองคุลีคือนิ้ว เรียงงามเสมอกันนำเหลื่อมๆกันนิดหน่อย คุณครูไม่ใหญ่บอกค่อนข้างเสมอกันสวยงามมากเหมือนลําเทียน

ของเราจะเป็นข้อ เป็นปม ไม่เรียวงามเหมือนรำเทียน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กายมหาบุรุษก็จะเรียวงาม  มีฝ่าพระหัตถ์ และฝ่าพระบาทอ่อนนุ่มไม่ว่าจะเดินอย่างไรก็แล้วแต่ก็จะอ่อนนุ่ม

ถ้าเป็นของเราปกติถ้าเดินมากใช้งานหนักๆก็จะเป็นหนังที่พูนขึ้นมาเรียกว่าลอยด้านนั่นเอง แต่ของพระองค์ไม่มีจะอ่อนนุ่ม และฝ่าพระหัตถ์   มีลายเสมือนตาข่ายสวยงามคือเรียงเป็นตาข่ายสวยงาม  มีพระฉวี ดุจทองคำเป่งปลั่ง ผ่องใส และมีพระตจะคือหนังประดุจเหมือนหุ้มด้วยแผ่นทองคำ มีลักษณะเรียบเนียน ฝุ่นไม่อาจเกาะติดผิวหนัง ของพระองค์ได้ เกิดด้วยพุทธานุภาพและบุญบารมีที่พระองค์สั่งสมมาไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์อะไรเลย ใช้บุญบารมีที่พระองค์สั่งสมมา  ผิวเรียบสะดุดแผ่นทองคำ  

นอกจากนี้พระโลมาคือขุมขน แต่ละเส้นเสมอกันทุกขุมขนดูขุมขน มีรูขุมขนเล็กและเสมอกัน สวยงามเหมือนกันหมดและเท่ากันหมด พระมังสะ คือเนื้อของท่านเต็มใน 7 แห่งได้แก่ หลังพระหัตถ์ทั้งสองคือหลังมือเต็ม บางท่านของพระอาจารย์เองก็มีเส้นเอ็นเส้นเลือดยังไม่ได้ลักษณะมหาบุรุษแต่ของพระองค์นี้ หลังมือเต็ม  หลังพระบาททั้ง 2 เต็ม  พระอังสาหรือที่บ่าทั้งสอง 2 เต็ม

ถ้าของเราก็จะมีกระดูกไหปลาร้า กระดูกซี่โครง  กระดูกหัวไหล่  แต่ของพระองค์จะเต็ม ไม่มีแหว่งเว้า   มีพระศอเต็มกลมกลึงสวยงาม  นี่คือลักษณะมหาบุรุษ พระหนุคือคางของพระพุทธองค์  เป็นกระดูกคางของราชสีห์  สง่างามเหมือนราชสีห์ ทำให้มีพระทนต์คือฟันทั้งหมด 40 ซี่  มนุษย์ยุคปัจจุบันฟัน 32 ซี่   แต่ว่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากายมหาบุรุษมี 40 ซี่  แต่ว่าสวยงาม ฟันเรียงชิดติดกันไม่แยกไม่ห่าง ไม่ผุ และมีพระเขี้ยวแก้ว เป็นกลมๆ มน ๆสวยงามด้วย  เขี้ยวงามเหมือนมุก มีพระชิวหาคือลิ้นที่สมบูรณ์ และพร้อมด้วยปลายประสาทที่สามารถ รับรสอาหารได้ดี

และมีพระสุรเสียงก้องกังวาน ประดุจท้าวมหาพรหม คือเทศน์อยู่ พระสุรเสียงของพระองค์ก็ ปรารถนาจะให้ใครได้ยินคนนั้นก็จะได้ยินแม้จะอยู่ไกลขนาดไหนก็ตาม และไพเราะทั้งเบื้องต้นท่ามกลางและเบื้องปลาย นี่คือลักษณะมหาบุรุษ ทรงมีพระเนตรดำสนิท มีดวงพระเนตรเหมือนตาลูกโค  เป็นสายพระเนตรที่บ่งบอกถึงความไม่มีมายา และอ่อนโยนประกอบด้วยความเมตตา พระอุณาโลมเกิดตรงระหว่างพระโขนง ที่กลางหน้าผากระหว่างคิ้ว เกิดขึ้นด้วยบุญญานุภาพบุญบารมีของพระองค์ จุดที่หน้าผากถ้าใครสังเกตพระพุทธรูปตรงกลางจะมีพระอุนาโลม

ตรงนี้คือเป็นคล้ายๆเส้นขนและหมุนเวียนเป็นทักขิณาวัฏ มีกรอบพระพักตร์ที่งาม กรอบพระพักตร์ก็คือกรอบของใบหน้า ถ้าใครเคยเรียนนาฏศิลป์ ชฎาที่เขาสวมใส่จะมีกรอบหน้า แต่ถ้าเป็นลักษณะมหาบุรุษพระพักตร์จะมีไรขนคือเป็นพระพักตร์ที่มีกรอบคือไรขนที่สวยงามเท่ากัน กายลักษณะมหาบุรุษ จะเป็นกายที่สมมาตรคือทั้งฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ก็จะสมมาตรเท่ากันดูสมดุลสวยงาม นอกจากลักษณะกายมหาบุรุษที่กล่าวมาข้างต้น  ก็ยังมีพยัญชนะ 80 

พยัญชนะ 80  ก็คือเบื้องต้นก็เช่นการมีรัศมีออกจากกายฝั่งละ 1 วา รัศมีก็คือฉัพพรรณรังสีและแสงที่ออกจากวรกายของพระองค์ฝั่งละ 1 วา รวมเป็น 2 วา ถ้าเดินไปไหนก็จะมีรัศมีกาย  2 วารอบพระองค์ ก็เป็นที่สังเกตได้โดยง่ายว่า นี่คือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

เห็นแบบนี้น่าเลื่อมใสนะ  ถ้าพระอาจารย์เจอแบบนี้ วิ่งเข้าไปกราบขอฟังธรรมจากพระองค์สักครั้งหนึ่งเถอะเผื่อเราได้บรรลุธรรมบ้างนี่ คือลักษณะทางกายภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเห็นแล้วเกิดความเลื่อมใสทั้งหมดนี้จากการสั่งสมบุญและสร้างบารมีมานับภพนับชาติไม่ถ้วนเราสาธุชนคนดี สาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีโอกาสมีกายมหาบุรุษแบบพระองค์ มีไม่ปิดโอกาสสำหรับใครเลยเป็นได้มีได้อย่างพระองค์คือต้องทำและต้องเป็นให้ได้อย่างพระองค์ก็ปฏิบัติตามคำสอนของพระองค์ละชั่วทำดีแล้วก็ทำใจของเราให้ผ่องใส ทีนี้กายภาพไปแล้ว

ทีนี้เรามาดูคุณลักษณะ ของการเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า   ถ้าใครอธิษฐานจิตบ่อยๆ  ที่เราอธิษฐานจิตว่าขอให้บรรลุวิชชา 3 วิชชา 8 อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทาญาณ 4  วิโมกข์ 8 จรณะ 15 เอามารวมกันแล้ว หลายข้อเหมือนกัน  แต่ละข้อเราทราบไหมว่าอะไรบ้าง บางทียังจำไม่หมดยังสงสัย แต่ว่าเห็นเขาอธิษฐานก็อธิษฐานตาม แต่ละหัวข้อมีอะไรบ้างวันนี้ก็เลยเอาลักษณะ

 เมื่อกี้เป็นรูปประกายกายมหาบุรุษทางกายภาพและต่อไปเป็นเรื่องของคุณลักษณะ ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่พระองค์ทรง  ที่พระองค์ทรงบรรลุวิชาต่างๆ  ซึ่งวิชาต่างๆนี้ แม้แต่พระอรหันต์บางรูป ก็ได้บางอย่างบางส่วน แต่ถ้าเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า กับพระสาวกที่มีบุญบารมีถึงก็จะได้ครบถ้วนบริบูรณ์  เดี๋ยวเรามาดูกันว่าที่เราอธิษฐานจิต  ในแต่ละวันย้ำเตือนเสมอว่าในวิชชา 3 วิชชา 8 ต่างๆนี้มีอะไรบ้าง วันนี้อาจจะยกมาไม่หมด ก็รู้ไว้เป็นความรู้คร่าวๆ

คุณสมบัติของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

วิชชา 3 

1.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ คือ  ระลึกชาติหนหลังได้หลายหมื่นหลายแสนชาติ สามารถที่จะรู้ว่าในอดีตเคยเกิดเป็นพระโพธิสัตว์ในภพชาติใดบ้าง ในอดีตเคยทำกรรมอะไรไว้บ้างในอดีตเคยจุติบนสวรรค์ ในนรกไปเป็นเปรตอสุรกายสัตว์เดรัจฉานชาติไหนบ้างพระองค์สามารถระลึกชาติได้หมด

2. จุตูปปาตญาณ ความรู้จากจุติคือการ อุบัติขึ้นในชาตินั้นๆของสัตว์ทั้งหลายว่าเป็นไปตามกรรม ในแต่ละขั้นตอนอย่างไรเปรียบเหมือนว่าบุรุษไปสู่ปราสาทที่ตั้ง สู่ถนนสามแพ่งและมองลงมาเห็นมนุษย์หมู่คน เดินออกจากบ้านบ้างเดินเข้าบ้านบ้าง นั่งอยู่ที่ทางสามแพ่งบ้างเดินไปตามถนนคือรู้ขั้นตอนการเกิดเช่นปฏิสนธิระยะ 1 สัปดาห์ 2 สัปดาห์ 3 สัปดาห์ ถ้าเป็นวิทยาศาสตร์สมัยนี้ก็ ปฏิสนธิการเป็นเอ็มบริโอ การเป็นไซโกตการเป็นตัวอ่อน เห็นหมดเลย เห็นตั้งแต่ เห็นตั้งแต่ 2600กว่าปีที่แล้ว ว่าระยะการฟักตัวต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์พึ่งมาค้นพบได้ไม่กี่ร้อยปีนี้เอง

3. อาสวักขยญาณ คือความรู้จักอาสวะให้สิ้น  คือการรู้ คือการรู้วิธีกำจัดกิเลสอาสวะให้สิ้นไปก็คือ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค อริยสัจ 4  รู้หนทางแห่งการดับทุกข์  นี่คือวิชา 3 ที่เราอธิษฐานจิตกันวิชชา 3 ก็คือ 3 สิ่งนี้ เราจะได้รู้ว่าเราอธิษฐานจิตไปรอหมายถึงอะไรบ้าง

วิชชา 8 ประการ 

1. มโนมยิทธิ มโนมยิทธิยาน คือการรู้จักแสดงฤทธิ์เนรมิตกาย ให้เหมือนกับใจปรารถนา คือสำเร็จด้วยใจ อยากจะเป็นอะไรก็จะสามารถเนรมิตกายได้

 2. มโนมัยกายคือการมีกายทิพย์ กายทิพย์ อย่างเช่นพระองค์ทรงอยากจะไป โปรดใครก็ตาม แต่ไม่เดินไปด้วยพระบาทเปล่าก็ไปด้วยกายทิพย์ของพระองค์

3  อิทธิวิธิญาณ ความรู้จักแสดงฤทธิ์ คือน้อมจิตไปเพื่อมีอิทธิวิธีแสดงฤทธิ์ด้วยวิธีต่างๆ หายตัวได้ ปรากฏตัวได้ แปลงกายได้ แยกร่างได้ คือใช้ฤทธิ์ต่างๆได้

 4. ทิพยโสตญาณ คือการหยั่งรู้ด้วยทิพยโสต มีหูทิพย์ อยากได้ยินใครคุยกันตรงไหนก็ได้ยิน พระองค์จึงบอกว่าไม่มีใครพ้นจากการนินทาอยากได้ยินใครพูดตรงไหนก็ได้ยิน คือมีหูทิพย์คือนึกในใจก็รู้ว่าออกเป็นเสียงได้สามารถรู้ว่าใครพูดอะไรตรงไหน ความหยั่งรู้ด้วยทิพยโสต หูทิพย์น้อมจิตไปเพื่อทิพยโสต ฟังเสียงได้ 2 อย่างคือเสียงทิพย์หรือเสียงมนุษย์ หรือเสียงทิพย์มนุษย์ทั้งหลายทั้งที่ใกล้และไกลออกไป คือได้ยินหมดเลย 

5. เจโตปริยญาณคือการหยั่งรู้กำหนดใจของผู้อื่นได้ คือน้อมจิตไปเพื่อเจโตปริยญาณกำหนดรู้ได้อ่านใจได้นั้นเองรู้หมดคิดอะไรอยู่ถ้าเป็นภาษาใหม่ก็คือรู้นะคิดอะไรอยู่ คืออ่านใจได้เลยว่าคนนั้นกำลังคิดอะไรอยู่รู้หมดเลยคืออ่านใจออกเดาใจได้ว่าคิดอะไรอยู่

 ส่วนข้อ 6, 7 และ 8 ก็คือวิชชา 3 นั่นเอง

ที่เราอธิษฐานจิตจะได้รู้ว่าทำไมเราต้องอธิษฐานจิต วิชชา 3 วิชชา 8  อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทาญาณ 4 วิโมกข์ 8 และจรณะ 15 ทำไมต้องอธิษฐานให้ครอบคลุมเพราะว่าแต่ละหมวด แต่ละหัวข้อก็จะอยู่ใน ครอบคลุมในวิชาต่างๆที่เราอธิษฐานจิตกันด้วย เราจะได้รู้ว่าทำไมต้องอธิษฐานเยอะหลายข้อจังเลยจะได้ครอบคลุม ข้อที่ 6,7,8 วิชชา 3 ที่เอามารวมในวิชชา 8

อภิญญา 6  อภิญญาแปลว่าความรู้ยิ่ง เกินกว่ามนุษย์ทั่วไปเกินกว่าปุถุชนทั่วไป1.

1.อิทธิวิธี คือการแสดงฤทธิ์ได้เช่นล่องหนได้ เหาะได้ ดำดินได้

2.ทิพยโสด คือมีหูทิพย์

3. เจโตปริยญาณ กําหนดรู้ใจผู้อื่นได้

4.ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ  

5. ทิพยจักขุ การมองเห็นด้วยตาทิพย์ นั่งอยู่ตรงนี้อยากเห็นใครก็สอดจิตเข้าไปก็เห็นได้ทันทีว่าทำอะไรอยู่

 6.อาสวักขยญาณ การรู้ทำเอาอาสวะกิเลสให้สิ้นไป

ก็จะวนอยู่อย่างนี้แต่ละข้อก็จะมีในส่วนของวิชชาสามเข้ามาด้วย ดังนั้นเวลาอธิษฐานจิตเราก็จะต้องอธิษฐานจิตให้ครอบคลุมไปทุกๆข้อ

อภิญญา 5 ข้อแรกคืออิทธิวิธี ทิพยโสต เจโตปริยญาณ ปุพเพนิวาสานุสสติญาณ และทิพยจักขุ   สามารถบรรลุได้เป็นโลกียฌานก็คือว่า มีเฉพาะในมนุษย์ มนุษย์ทั่วไปสามารถที่จะเข้าถึงได้บรรลุได้

แต่ว่าข้อ 6 อาสวักขยญาณ ก็เฉพาะอริยบุคคลเป็นพระอรหันต์จะบรรลุอาสวักขยญาณคือหรือวิธีการกำจัดกิเลสให้สิ้นไปได้ 

ปฏิสัมภิทาญาณ 4  คือความสามารถที่พิเศษในการสั่งสอนคนอื่น นี่คือความพิเศษของความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าซึ่งแตกต่างจากพระปัจเจกพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้าคือนำพาตนเองให้พ้นจากอาสวะกิเลสรอดพ้นจากอาสวะกิเลสได้แล้วเป็นพระพุทธเจ้าแล้วแต่ว่าไม่ได้สั่งสั่งสมในเรื่องของการสั่งสอนผู้อื่นก็คือเข้านิพพานไปเลย พระปัจเจกพระพุทธเจ้าไม่ได้สั่งสอนใคร ไม่ได้ทำให้ใครตรัสรู้ตาม แต่ความเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสามารถที่จะสั่งสอนคนอื่นได้ ด้วยการใช้ปฏิสัมภิทาญาณ 4  คือความสามารถในการสอน  ยากเหมือนกันการที่เรารู้อะไรมาแล้วเราสามารถถ่ายทอดให้ผู้อื่นฟังได้ถือว่าเป็นคนที่สั่งสมความเป็นครูข้ามภพข้ามชาติ

ปฏิสัมภิทาญาณ 4 ประกอบด้วย

1.อัตถปฏิสัมภิทา  คือปัญญาแตกฉานในอรรถข้อธรรมต่างๆสามารถที่จะอธิบายขยายความออกไปได้โดยพิสดาร เพราะบางคนบอกว่าละชั่ว  ทำดี  ทำใจให้บริสุทธิ์ยังไม่เข้าใจต้องอธิบายเพิ่ม พระสัมมาสัมพุทธเจ้า สามารถจะอธิบายเพิ่มให้คนๆนั้นเข้าใจได้ 

2. ธัมมปฏิสัมภิทา ปัญญาแตกฉานในธรรม สามารถที่จะสรุป คำบางอย่าง เนื้อความยาวพระองค์ก็สามารถสรุปให้สั้นได้ บางคนไม่ชอบฟังอะไรเยอะๆ ก็มาทำให้สั้นลงด้วยการสรุป

 3. นิรุตติปฏิสัมภิทา คือปัญญาแตกฉานทางด้านภาษา ไม่ว่าภาษาอะไรคนคนนั้นเกิดที่แคว้นใดประเทศอะไรก็แล้วแต่ สื่อสารกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์เข้าใจทุกภาษา ไม่เว้นแม้แต่ภาษาสัตว์ หรือภาษาเทวดา ใครเคยไปตำหนักทรงร่างทรงสมัยเด็กๆคือที่บ้านเปิดตำหนักทรงตอนนี้เลิกแล้วโยมแม่เข้าทรง  เขาจะมีงานไหว้ครู เป็นคล้ายๆงานปาร์ตี้ ที่จะมารวมเหล่าร่างทรงเข้าด้วยกัน และเขาก็จะทำพิธี  เสร็จแล้วร่างทรงใครเขาก็จะคุยกัน  เราฟังไม่รู้เรื่องเขาบอกนั่นคือภาษาเทพ  

พอเสร็จงานก็ไปถามโยมแม่ ว่า ..ตกลงคุยอะไรกัน โยมแม่บอกว่าก็ไม่รู้เรื่องเหมือนกัน เป็นภาษาที่มนุษย์ไม่เข้าใจ  มนุษย์ปกติอย่างเราไม่เข้าใจมันเป็นภาษาเทพของเขาไป ก็ไม่รู้เทพหรือเปล่า  แต่พอมาศึกษาเรื่องราวในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา  เพราะอันนี้ จะเปรียบเทียบดู เข้าทรงก็มีทางเข้าจริงและเข้าไม่จริงมี สำหรับเท่าที่เคยเห็นมาเข้าจริงมี

แต่ว่าที่มาเข้าบางทีอาจจะไม่ใช่เทพเพราะโดยการศึกษามาแล้วเทวดาเขาเหม็นกลิ่นมนุษย์โดยเฉพาะที่มนุษย์ที่ไม่รักษาศีล  ความรู้สึกของเทวดา อ่านมาคือเขาเห็นมนุษย์แล้วเหมือนหมาเน่า แต่ว่าคนที่รักษาศีลอย่างน้อยศีล 5 บริสุทธิ์ศีล 8 หรือเป็นนักบวชกลิ่นกายจะหอมหอมแบบเทพ ซึ่งเราก็ไม่ได้กินเหมือนกันเทวดาก็จะลงรักษาเขาเรียกว่าคนดีผีคุ้ม แต่จริงแล้วไม่ใช่ผีเป็นเทวดาคุ้ม สมัยเด็กๆ ได้ไปเห็นเหตุการณ์ภาษาเทพเป็นอย่างนี้เอง เสร็จงานแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าใครคุยกับใคร ต่อไปก็ไปจัดงานรวมร่างทรงที่ตำหนักอื่นๆต่อไป ก็ไปหลายที่แล้วก็ไม่มีใครสรุปได้ว่าพูดอะไรกัน

ทุกวันนี้ก็นำ Case Study ที่คุณครูไม่ใหญ่ออก เกี่ยวกับร่างทรง เกี่ยวกับกุมารทองไปอธิบายให้โยมแม่ฟังก็หันมานับถือพระรัตนตรัยเป็นสรณะ สาธุ! อย่างน้อยก็ซักเรื่องหนึ่งที่พระลูกชายภูมิใจทำให้โยมแม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งก็ขอบคุณคำสอนของมหาปูชนียาจารย์ที่ทำให้เรารู้ว่าชีวิตควรดำเนินไปอย่างไรไม่งั้นป่านนี้หลวงพี่ก็คงจะอยู่ตามตำหนักแล้วก็ใช้ไสยเวทย์อะไรต่างๆ ก็ถือว่าเป็นความเชื่อส่วนบุคคลแต่ว่าเรามาพบพระรัตนตรัยแล้วเราก็ยึดพระรัตนตรัยเป็นหลัก

กลับมาที่ความสามารถของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า นิรุตติปฏิสัมภิทา คือการหยั่งรู้ภาษาต่างๆภาษาคน ภาษาสัตว์ รวมถึงภาษาเทพ ภาษาเทวดาเพราะว่าอย่าลืมว่าตอนเย็นพระองค์เทศน์สอนคณะทานบดีต่างๆ คนที่มาฟังเทศน์ฟังธรรมที่วัดเชตวัน ตอนเที่ยงคืน เทศน์สอนเทวดานี่คือบุคคลต้นแบบจริงๆเพราะเทวดาก็รอการมาบังเกิดขึ้นของพระสัมมาสัมพุทธเจ้ารอการตรัสรู้ธรรมของพระองค์เช่นเดียวกัน

 4. ปฏิภาณปฏิสัมภิทา คือมีปฏิภาณในการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า รู้ว่า Caseนี้ควรเทศอะไร Caseนี้ควรแสดงฤทธิ์อย่างไร Caseนี้ควรปราบอย่างไร เช่นกว่าจะทำให้องคุลีมาล ยอมรับในพระองค์ได้ต้องทำให้เหนื่อยก่อนให้องคุลีมาลวิ่งไล่ตาม หยุดก่อนสมณะ พระองค์ก็ให้องคุลิมาลวิ่งตาม  จนกระทั่งเหนื่อยพระองค์ก็บอกว่าเราหยุดแล้ว  แต่ท่านยังไม่หยุดสุดท้ายองคุลิมาลก็ยอมรับในตัวพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  ยอมรับในคุณงามความดี  สุดท้ายองคุลิมาลก็ออกบวชเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

นี่คือความสามารถของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่บรรลุวิชาต่างๆ  เราเองในขณะที่อธิษฐานจิตจะได้รู้ว่าวิชชา 3 วิชชา 8 อภิญญา 6 ปฏิสัมภิทาญาณ 4 วิโมกข์ 8  และจรณะ 15 มีอะไร

วันนี้ก็ขอเอาแค่ปฏิสัมภิทาญาณ 4 ก่อน จะได้รู้ว่าที่เราอธิษฐานจิตตอกย้ำกันทุกวันประกอบด้วยอะไรบ้าง เราจะรู้เหตุและรู้ผล ที่ต้องอธิษฐานจิตแบบนี้

นี่คือตัวอย่างของบุคคลต้นแบบที่เราควรยึดถือปฏิบัติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพุทธศาสนิกชน ไม่ใช่แค่ตัวเรา ลูกหลานคนในครอบครัวก็ควรที่จะยึดหลักของพระองค์เป็นต้นแบบในการดำรงชีวิต ถ้าไม่ได้พระองค์  เราจะไม่รู้เลยว่าชาติที่แล้วมี เราจะไม่รู้เลยว่าชาตินี้ เป้าหมายชีวิตของเราคืออะไร เราจะไม่รู้เลยว่าชีวิตหลังความตายมีทั้งสุคติและทุคติ เราจะไม่รู้เลยว่าที่สุดแล้วมรรคผลนิพพาน ไม่ต้องตกภายใต้อาสวะกิเลสเป็นอย่างไรหรือว่าสามารถทำได้

โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคนี้ เราก็ได้มหาปูชนียาจารย์ ที่ทำให้เรารู้ตอกย้ำว่าหลักคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปฏิบัติได้และทำได้จริงให้เรายึดถือปฏิบัติต่อไป วันนี้แม้เรายังไม่สามารถบรรลุมรรคผลนิพพานได้แต่เราก็รู้ว่าพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านทำได้พระสาวกทำได้  แล้วเราก็สามารถที่จะปฏิบัติตามท่านได้ในแต่ละชาติในแต่ละชาติเราก็เข้าใกล้คำว่านิพพานไปเรื่อยๆแสดงว่าชีวิตของเรามีเป้าหมายแล้ว อย่างที่คุณยายบอกเหนี่ยวพระนิพพานไว้อย่างน้อยเราเหนี่ยวพระนิพพานไว้  เราก็รู้ว่าเราจะเข้าใกล้พระนิพพานไปเรื่อยๆ  สักวันหนึ่งเราก็จะบรรลุธรรม หมู่คณะของเราการสร้างความดีก็จะไปกันเป็นทีมทำได้สำเร็จไปเป็นทีม นี่ก็เป็นบุคคลต้นแบบที่พระอาจารย์ยกมาให้สาธุชนนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาได้ดูเป็นต้นแบบคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้าดีที่สุดแล้ว

วันนี้ก็เลยมีตัวอย่างของเยาวชน ต้นแบบที่ใช้เวลาในช่วงปิดภาคเรียนมาศึกษาธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าด้วยการสมัครเป็นธรรมทายาทคือมาบวชในช่วงปิดภาคเรียนและมาศึกษาธรรมะเริ่มตั้งแต่การมาสัมภาษณ์การใส่ชุดขาวรวมถึงการเดินธุดงค์ เพื่อที่จะฝึกฝนอบรมตนเองและเป็นเนื้อนาบุญให้กับญาติโยมสาธุชนทุกท่านเดี๋ยวเราไปชมสกู๊ปกัน (  เปิดสกู๊ป โครงการอุปสมบทหมู่ธรรมทายาทพุทธศาสตร์สากล )

นิสิตนักศึกษา มหาวิทยาลัยได้มีโอกาสมาศึกษาธรรมะถามว่าถ้าไม่มีโครงการนี้ เยาวชนเหล่านี้ปิดเทอม ทำอะไร ดีหน่อยหางานทำหารายได้พิเศษชั่วโมงละ 30 บาท แล้วก็เอาปัจจัยเอาเงินไปซื้อของที่อยากได้ ร้ายกว่านั้น... อยู่บ้านใครมีลูกชาย ลูกสาวเรียนอยู่ในระดับอุดมศึกษา กลับบ้านนอน  หรือ กลับบ้านไปนอนหรือไปเที่ยวเตร่  ...ร้ายกว่านั้นอีกก็ออกไปที่อโคจร ไปดื่มเหล้าไปคบคนพาล  ...ยิ่งกว่านั้นอีก ไปคบคนพาลไปหลงติดอบายมุขหรือไปคบหากันไปพลาดพลั้ง มีปัญหาเรื่องชู้สาว นำความหนักใจมาให้คุณพ่อคุณแม่

 แต่ว่าเยาวชนกลุ่มนี้อาศัยช่วงปิดเทอมมาฝึกฝนอบรมตนเองเท่าที่เห็นกว่าจะเป็นพระไม่ง่ายเลย สำหรับโครงการนี้คัดแล้วคัดอีกมีการสอบสัมภาษณ์แล้วให้ใส่ชุดขาวก่อนร่วมๆเดือนเป็นนาคไปก่อน แล้วก็เรียนรู้ความเป็นพระซึมซับไปเรื่อยๆ เพราะอะไร

พระอาจารย์ประจำโครงการบอกกับธรรมทายาททุกคนว่าเมื่อเราครองผ้ากาสาวพัสตร์อันเป็นธงชัยพระอรหันต์ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว  เราเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  พอเราห่มผ้าโยมไม่รู้หรอกว่าบวชมากี่พรรษาโยมก็เห็นผ้าเหลือง โยมก็กราบไหว้เคารพในความเป็นพระของแต่ละคน

เพราะฉะนั้นเราจะเป็นพระได้เราต้องฝึกฝนอบรมตนเองให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไปถึงขนาดที่เราจะต้องกราบตัวเองให้ได้  ความรู้สึกที่กราบตัวเองให้ได้ คือเราดีพอที่จะนับถือตัวเองในคุณงามความดีของตัวเองได้  ถ้าสนิทใจอย่างนี้แล้ว ถึงจะอนุญาตให้บวชเป็นสาวกของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

โครงการนี้บวชไม่เสียค่าใช้จ่าย คือผู้บวชไม่เสียค่าใช้จ่ายแต่มีค่าใช้จ่าย เจ้าภาพงานบวชทั้งนั้นเลยที่นั่งๆอยู่ในห้องนี้ สาธุ! ก็มีค่าใช้จ่าย โยมที่เสียสละค่าใช้จ่ายมาเป็นค่าอาหาร ค่าผ้าไตรจีวร ค่าชุดขาวทุกอย่างที่ใช้ก็ได้มาจากการเป็นเจ้าภาพงานบวชทั้งสิ้น เพราะฉะนั้นพระทุกรูปต้องอยู่ในข้อวัตรปฏิบัติที่ดีทำให้โยมได้บุญเยอะๆ อะไรก็ตามที่ เป็นสิ่งที่ดีไม่ว่าจะเป็นการฝึกฝนอบรมตนเองทางร่างกายหรือจิตใจทำไปแล้วล้วนแล้วแต่เกิดผลทั้งสิ้น ญาติโยมสาธุชนทั้งหลายก็จะได้เกิดความปลื้มปีติใจ

อย่างไรก็ตามแต่  วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคมนี้ ก็จะมีการจัดกิจกรรม งานอนุโมทนาบุญเจ้าภาพงานบวช  จัดที่ชมรมพุทธศาสตร์สากลใครก็ตาม ที่อยากจะเป็นเจ้าภาพในงานบวชทุกงานก็สามารถที่จะไปร่วมกิจกรรมถวายผ้าไตรจีวรให้กับพระธรรมทายาท  ในรุ่นเข้าพรรษาได้พระที่เราชวนบวช พระที่เราร่วมบุญงานบวชมาก็จะเป็นเนื้อนาบุญ  เราถวายผ้าไตรจีวรให้ จัดที่ห้องพุทธางกูร ชมรมพุทธศาสตร์สากลในอุปถัมภ์สมเด็จพระมหารัชมังคลาจารย์ที่ชมรมพุทธอยู่บริเวณหน้าวัดวันเสาร์ที่ 4 สิงหาคมพุทธศักราช 2561  ก็สามารถที่จะไปร่วมกิจกรรมกันได้ ก็จะมีผ้าไตรและไทยธรรมถวายให้กับพระธรรมทายาทรุ่นเข้าพรรษาที่สาธุชนทุกท่านร่วมเป็นเจ้าภาพในการสนับสนุนงานบวช

นี่ก็เป็นตัวอย่างของเยาวชนต้นแบบกว่าจะบวชได้ต้องฝึกฝนอบรมตนเอง ไม่งั้นพระอาจารย์พระพี่เลี้ยงไม่ให้ผ่าน ตรวจเช็คทุกอย่างข้าวของที่มีคือกล่อง ใบเล็กๆ 1 ใบเล็กมากพระอาจารย์เคยผ่านช่วงเวลานี้มันเล็กมากจนบางทีผ้าห่ม พระธรรมทายาทจะไม่มีหมอน  เราจะมีผ้าห่มกับจีวร เอาผ้าสังฆาฏิหนุนเป็นหมอนแทน หมอนข้างก็ไม่มี  แอร์ก็ไม่มี  นอนในกลด เป็นเต้นท์แคบๆ  หนาวก็ต้องผ่านไปให้ได้  ร้อนก็ต้องผ่านไปให้ได้   เพราะว่าเป็นบุตรเป็นพุทธบุตรของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แล้วก็ต้องอดทนขั้นพื้นฐานให้ได้   แล้วก็พร้อมที่จะไปเป็นเนื้อนาบุญ   ตื่นตี 4. 20 นาที มีเสียงคุณครูไม่เล็กตื่นเถอะลูก ไม่กล้าหลับต่อจริงๆ รู้สึกต้องตื่นถ้าไม่ตื่นเหมือนท่านมาประชิดตัว ในยุคก่อนท่านจะลงมาดูแลลูกๆของท่านเองเลย ในยุคนี้ท่านก็มาดูแลอย่างสม่ำเสมอก็ไปรายงานท่าน

เพราะฉะนั้น ธรรมทายาททุกคนก็จะเป็นบล็อกเดียวกันก็คือฝึกฝนอบรมตนเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนี้ก็อยู่ที่ UG 5  ความดีสากลก็ต้องฝึกกันไปจบโครงการแล้วก็เอาไปใช้ต่อได้

 ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ธรรมทายาทกลุ่มนี้ก็ได้มีโอกาส เป็นไปเป็นเนื้อนาบุญเดิน       ธรรมยาตราที่จังหวัด ราชบุรี -  เดี๋ยวเราไปชมความปลื้มปีติพระที่เราชวนบวช พระที่เราร่วมเป็นเจ้าภาพงานบวชไปทำอะไรบ้างในพื้นที่จังหวัดราชบุรีเดี๋ยวเราไปชมสกู๊ปกัน ( เปิดสกู๊ป ธรรมยาตรา อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี ระหว่างวันที่ 25  ถึงวันที่ 29 มิถุนายนพุทธศักราช 2561 )

 นี่คือดอกผล นี่คือความปลื้มปีติใจที่เราได้ร่วมกันสร้างร่วมกันฟื้นฟูศีลธรรมโลกให้กับเด็ก ในส่วนของพระ ตั้งใจก็ตั้งใจฝึกฝนอบรมตนเอง ในส่วนของ นักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา ก็สนับสนุนอย่างเต็มที่ อีก 2, 3 วัน ก็จะถึงวันเข้าพรรษาจะเป็นวันที่พระภิกษุได้ร่วมกันอยู่ในอาวาสตลอด 3 เดือนในขณะเดียวกัน ศาสนิกชนก็ต้องอยู่ในศีลในธรรมและก็ร่วมกันสนับสนุนงานพระพุทธศาสนา และจะมีกิจกรรมต่างๆในช่วงงานบุญมีทั้งกล่าวคำถวายเทียนจำนำพรรษา ผ้าอาบน้ำฝน ผ้าจำพรรษา กิจกรรมต่างๆก็สามารถติดต่อที่ผู้ประสานงานได้ทุกวัดทั่วไทยตลอดหรือว่าศรัทธาที่ไหนเราพร้อมที่จะสนับสนุนงานที่วัดไหนเราก็สนับสนุนการทุกวันทำให้พระพุทธศาสนาของเรากลับมาเข้มแข็งเหมือนสมัยพุทธกาล

การทำทานถ้าเป็นวัตถุทานก็ 10 อย่างก็ต้องอาศัยญาติโยมช่วยกันทำนุบำรุงข้าวน้ำยานพาหนะ ของหอมเครื่องลูบไล้เสนาสนะ รวมถึงที่อยู่อาศัย 10 อย่าง ก็มาช่วยกันสนับสนุนงานพระพุทธศาสนา ก็ทำเต็มที่ในส่วนของพระก็ตั้งใจศึกษาพระธรรมวินัยฝึกฝนอบรมตนเองส่วนของญาติโยมก็เป็นกำลังเป็นกองเสบียงก็ถือว่ามาช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวต่อไปจะได้เจริญรุ่งเรืองเหมือนสมัยครั้งพุทธกาลวันนี้ก็ต้องขอขอบคุณที่ทางทุกท่านนักเรียนอนุบาลอนุบาลฝันในฝันวิทยามาร่วมกันฟังการบรรยายธรรมก็รวมไปถึงการดูภาพความประทับใจเกี่ยวกับการบรรพชาอุปสมบทหมู่ใน IBS รุ่นที่ 4 และก็ได้เรียนรู้หลักธรรมถือว่าวันนี้ทุกคนก็ได้มาสั่งสมบุญ

วันนี้กลับไปก็อย่าลืมเอาบุญไปฝากคนที่บ้านทางการบ้านทั้ง 10 ข้อที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านมอบไว้ให้ให้ครบถ้วนแล้วอย่าลืมรอยยิ้ม และปิยวาจาที่จะมีให้แก่กันและกัน

สุดท้ายนี้พระอาจารย์ก็ขออำนวยอวยพรให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทุกท่านจงเป็นผู้ที่ปราศจากเสียซึ่งสัพพะทุกข์ สัพพะโศก สัพพะโรค สัพพะภัย อุปัทวอันตรายใดๆ อย่าได้มาพ้องพาลให้มีความสุขความเจริญยิ่งยืนนานด้วยอายุ วรรณะ สุขะ พละ ปฏิภาณธนสารบริวารสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข เข้าถึงมรรคผลนิพพานของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยง่าย ปรารถนาสิ่งหนึ่งประการใด  อันเป็นไปในทางที่ชอบประกอบด้วยกุศลก็ขอให้สัมฤทธิ์ผลดังกมลที่มุ่งมาดปรารถนาไว้ตั้งใจ ไว้ดีแล้วจงทุกประการ เมื่อถึงคราวนั่งสมาธิปฏิบัติธรรม ให้เข้าถึงธรรมะของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้โดยง่ายโดยเร็วพลันจงทุกท่านทุกประการเทอญ

 

 



โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2561   พระครูสังฆรักษ์อน...