โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
วันพุธ ที่ 20 เดือน มิถุนายน พ.ศ. 2561
พระสุขจันทร์ อติสุโข
แสดงธรรมเรื่องความสุขที่แท้จริง
ห้อง SPD 4 สภาธรรมกายสากล
*****************
ขอนอบน้อมแด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
กราบคาราวาระ พระมหาเถระนุเถระด้วยความเคารพยิ่ง
สวัสดีเพื่อนสหธรรมิกทุกท่าน
เจริญพรญาติโยมนักเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทั่วโลกทุกท่าน
ยิ้มกันหรือยังเอ่ย เมื่อพวกเรายิ้มโลกก็สว่าง เมื่อโลกสว่างภายนอก
ก็ส่งความสว่างมาถึงภายใน จิตใจของพวกเราก็บริสุทธิ์ผ่องใสกันทุกคน
คงจำได้วันวิสาขบูชาที่ผ่านมา ยังปลื้มกันอยู่หรือเปล่า
พระอาจารย์ก็ยังปลื้มไม่หาย ที่ผ่านมาเป็นประวัติศาสตร์ครั้งยิ่งใหญ่
สำหรับวัดพระธรรมกาย และชาวกัมพูชา ทั้งพระทั้งโยมที่เดินทางมาร่วมงานบุญมากมาย
พระกัมพูชา 30 กว่ารูป โยม 300 กว่าท่าน ร่วมงานวิสาขบูชาเยอะที่สุด
ตั้งแต่พระอาจารย์ทำหน้าที่นำแสงสว่างไปสู่ใจชาวกัมพูชา
สิ่งที่ปลื้มมากกว่านั้นได้ไปกราบสนทนาธรรมกับพระผู้ใหญ่
ที่มาร่วมงานบุญ หลายเรื่อง
บางรูปมาวัดพระธรรมกายครั้งแรก บางรูปหลายรอบ บางรูปเป็นแฟนคลับมีงานบุญใหญ่มาร่วมงานเป็นประจำ
มีโอกาสที่ดีได้สนทนาธรรมกับท่าน คือหัวข้อที่จะเล่าให้พวกเราฟังในวันนี้
เพราะเป็นความปลื้มปีติใจ นึกถึงพวกเราที่ทุ่มเท
เสียสละในงานบุญของวัดพระธรรมกายมาโดยตลอด
กราบเรียนถามท่านถึงความตั้งใจมาวัดพระธรรมกาย รู้สึกอย่างไร ประทับใจยังไง
มีความคิดเห็นยังไง ได้มาเป็นหัวข้อเล่าให้พวกเราฟังวันนี้
เกี่ยวกับเรื่องความสุข พวกเราน่าจะเจอประจำนะ ..ความสุข ลูกหลวงพ่อสดใส ยิ้มสบายใจกันทุกคน
พระอาจารย์ท่านบอกว่า ทำไมมาถึงวัดพระธรรมกาย รู้สึกสบายใจตลอดเวลา
มาถึงเห็นรอยยิ้มชาววัดพระธรรมกายทำให้สบายใจ ชื่นใจ มาเมื่อไหร่ก็มีความสุข
แล้วปกติความสุขที่ท่านคิดถึง ช่วงบวชพระที่อุโบสถ พระอาคันตุท่านมาที่ห้องรับรอง
สนทนาธรรมกันเรื่องความสุข
ความสุขแบ่งเป็น 2 ประเภท ความสุขแบบพระกับความสุขแบบฆราวาส
นึกถึงตัวเองเลย ก่อนที่เรามีโอกาสมาบวชเป็นพระ ก็มีความสุข เป็นความสุขแบบฆราวาส
ในช่วงประมาณ ม.ปลาย เข้ามหาวิทยาลัย จำได้ว่าพ่อแม่สอนเสมอให้ตั้งใจเรียน
ฝึกฝนอบรมตนเองให้เป็นคนดี จะได้มีอนาคตที่ดี เราก็คิดอนาคตที่ดีเป็นยังไง ..คิดว่าคงมีงานทำ มีการศึกษาสูง ๆ
เป็นคนที่มีเกียรติในสังคม มีทรัพย์สมบัติเยอะ ๆ เพราะฉะนั้นต้องตั้งใจเรียน
สมัยนั้นไม่เคยตก ไม่ซ้ำชั้นด้วย
เรียนจนจบมหาวิทยาลัย พอจบไปสมัครทำงาน เงินเดือนดีนะในสมัยนั้น
คนมีความรู้ความสามารถด้านภาษาไม่ค่อยมีเหมือนสมัยนี้ ถ้าเทียบไป 20 ปี
กัมพูชาสมัยนั้นกับสมัยปัจจุบันเปลี่ยนแปลงเยอะ คนกัมพูชาเองยังตกใจว่าเปลี่ยนแปลงได้ขนาดนี้
สมัยหลวงพี่เรียนคนที่พูดภาษาอังกฤษและภาษาไทยได้ไม่ค่อยมี
แต่ปัจจุบันหลานพระอาจารย์เองอายุ 5 ขวบ พูดภาษาอังกฤษแล้ว
กลับบ้านไปก็คุยภาษาอังกฤษอยากให้มีความพัฒนา พูดได้นิดหน่อย พอรู้เรื่อง การใช้ภาษาเราต้องใจกล้าในการพูด
หลวงพี่มาประเทศไทยตอนแรกพูดไทยไม่ชัด ตอนนี้ก็ยังไม่ชัด
ดีขึ้นนิดหนึ่ง เรียนมา 2 ปี ตั้งใจเรียนมาก เอาจริงจนรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนไทย
ที่ไปเกิดประเทศกัมพูชา ไปลงผิดที่ ภาษาหลวงพ่อนะ โดนเขาพลัดไป ไม่รู้สึกอะไร อยากให้เราเรียนภาษาไทย
สมัยนั้นยังไม่เป็นที่นิยม คนที่เรียนก็ไม่เยอะ แต่หลวงพี่ชอบมากใช้เวลา 2 ปี
อ่านภาษาไทยได้ ขนาดคนไทยอาย พูดภาษาไทย-เขียนภาษไทยได้
มารู้จักวัดพระธรรมกายแรก ๆ พระอาจารย์หัวหน้าโครงการบวชทดลองว่า
พูดภาษาไทยได้จริงหรือเปล่า เขียนได้จริงหรือเปล่า เพราะบวชเข้าพรรษา 3 เดือน
จะรอดหรือเปล่า ฟังธรรมไม่รู้เรื่องหงุดหงิด สนทนากับเพื่อนไม่รู้เรื่อง
ท่านก็ให้การบ้านหนักให้อ่านเยอะ ๆ ให้เขียน ๆ ให้พูด เหมือนโดนกลั่นแกล้ง
มาบวชนี่เราก็ด้อยกว่าคนอื่นแล้วนะ ทำไมเหมือนโดนกลั่นแกล้ง ตอนนี้เริ่มเข้าใจว่าคือการฝึกคนของพระอาจารย์
ต้องอนุโมทนาบุญกับพระอาจารย์ ที่พยายามเจียระไนกรวดก้อนนี้ ให้มาเป็นเพชร
แม้ไม่ใช่เม็ดงาม ก็มั่นใจการตลาดต้องการ เรียนจบแล้วไปทำงาน มีเงินเดือน
ตอนนี้เลี้ยงตัวเองได้แล้ว เลี้ยงพ่อแม่ เลี้ยงครอบครัวได้
พอถึงวันหนึ่งความรู้สึก จำได้ว่าพ่อแม่ตอนสมัยเรียน
บอกว่าเรียนจบแล้ว มีอนาคตที่ดีจะมีความสุข เราเหมือนไม่เจอ
ที่พ่อแม่พูดคือความสุขแบบไหน บางคนบอกความสุขเป็นแบบนี้ ๆ
ก็จินตนาการไปการที่มีนู้นมีนี่คือความสุข
มาถึงจุดใดจุดหนึ่งเริ่มรู้สึกว่ามันใช่ความสุขจริงหรือเปล่า
??? ความสุขที่เราต้องการจริงหรือเปล่า
เริ่มแสวงหาว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง
การมีทรัพย์เยอะ มีนู้น มีนี่เยอะ ใช่ความสุขที่แท้จริงหรือเปล่า …ตอบคือยังไม่ใช่
ไม่เหมือนที่เราต้องการ ความสุขน่าจะมากกว่านี้ จริงกว่านี้ อันนี้เหมือนปลอม
เป็นความสุขที่ไม่ใช่ความสุขยังไม่รู้ บอกไม่ถูก ก็แสวงหาตลอด
จนมีโอกาสมาประเทศไทย มาทำเยอะแยะมากมายทีเดียว ทางโลก
สุดท้ายบุญส่งผลมาเจอหมู่คณะ เลยพามาให้รู้จักความสุขที่แท้จริง
สัมผัสแรกที่ได้พบความสุขนั้น กัลยาณมิตรชวนไปปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ จากเด็กที่ตั้งใจเรียน
ขยันทำงานมาตลอด แต่สิ่งที่ไม่ตั้งใจคือ สมาธิ ตอนนั้นยังไม่รู้จักอะไรคือสมาธิ
โดนเขาจับให้มาทำสมาธิ มาอยู่นิ่ง ๆ ถ้าพูดถึงเหมือนเป็นเด็กไฮเปอร์
อยู่นิ่งไม่เป็น
พอมานั่งสมาธิก็นั่งได้ อารมณ์ตอนนั้นนั่งสมาธิครั้งแรกเลย 45 นาที
พอเลิกนั่งรู้สึกว่า ทำไมความรู้สึกของเราแปลกจากปกติ ..นี่แหละคือสิ่งที่เราแสวงหา เป็นความสุขที่เราคิดไว้ เริ่มติดใจในการทำสมาธิ ทำมาเรื่อย ๆ
กระทั่งมีโอกาสมารู้จักวัดพระธรรมกาย ตอนนั้นก็รู้จักกับหมู่คณะใหญ่
สัมผัสแรกเหมือนได้กลับบ้าน จากบ้านไปนาน 20 กว่าปี
พลัดพรากไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้วุ่นวายไปหมด
พอได้กลับบ้านรู้สึกว่าความสุขเริ่มกลับมา
มาถึงวัดพระธรรมกาย เหมือนได้กลับมาบ้านเดิมเลย มาถึงเห็นหมู่คณะ
ส่งรอยยิ้ม คนไม่เคยรู้จักกัน เดินไปตรงไหนก็ส่งรอยยิ้มให้ ยกมือไหว้
สวัสดีครับ/ค่ะ เหมือนเป็นญาติที่ได้กลับมาพบเจอกันใหม่ หลวงพี่ถามหลาย ๆ
คนที่เป็นชาวกัมพูชา บางคนที่พามาที่วัดพระธรรมกาย เขามาเล่าให้ฟัง
มีอาจารย์คนหนึ่ง มาวัดพระธรรมกาย มาที่วัดนี้รู้สึกแปลกจากปกติ
เหมือนได้กลับบ้าน เราก็ยิ้ม มันไม่ใช่เรื่องแปลกอาจารย์
หลวงพี่ตอนมาวัดพระธรรมกายตอนแรก รู้สึกเหมือนกัน เหมือนได้กลับบ้าน
แล้วก็เล่าให้ท่านฟังว่า จริงแล้วมนุษย์ทุกคนมาเจอกัน ไม่ใช่ความบังเอิญ
ล้วนเป็นสิ่งที่เคยทำมาก่อน แต่เราจำไม่ได้
บางทีเราก็ไม่รู้ว่าเคยมาอยู่วัดพระธรรมกาย เคยมาสร้างบารมีที่นี่หรือเปล่า
ตอนนี้จำไม่ได้ มีโอกาสกลับมาที่เดิม เราก็เลยรู้สึกว่ามีความคุ้นเคย
เจอหน้าพวกเราก็รู้สึกเป็นญาติกัน พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้
มนุษย์ทุกคนเคยตายเกิดนับภพนับชาติไม่ถ้วน ไม่มีใครที่ไม่เคยเป็นญาติกัน
เราเป็นญาติกันนับภพนับชาติไม่ถ้วน พอชาตินี้จำไม่ได้
แต่ด้วยสัญชาติญาณนักสร้างบารมีเราจำหน้าตากันได้
ได้มานั่งสมาธิเริ่มรู้สึกว่า คือความสุขที่เราหามาตลอด
มาเจอเริ่มติดใจ ทำสมาธิมาเรื่อย ๆ กระทั่งมาบวชที่วัดพระธรรมกาย ตัดสินใจบวชทันที
ความรู้สึกแรกที่ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ มันคือความสุขที่จะอธิบายไม่ได้
จะมานั่งบรรยายให้พวกเราเข้าใจ ความสุขที่ได้เป็นพระ เป็นยังไง อธิบายไม่ถูก
มั่นใจว่าที่เป็นผู้ชายเคยมาบวชจะเข้าใจความรู้สึกนั้น
เป็นผู้หญิงไม่มีโอกาสมาบวชห่มผ้าเหลือง แต่ได้อนุโมทนา มั่นใจว่าเข้าใจความ
รู้สึก ความสุขที่ได้เห็นการบวชพระ ผ้าเหลืองสำคัญ
ผ้าไม่กี่ผืนทำให้บุคคลที่แสวงหาความสุขมาตลอด เจอความสุขได้ เรามาฟัง
(เพลง...ผ้าชุดสุดท้าย...)
ผ้าชุดสุดท้ายไม่ใช้ผ้าธรรมดานะ เป็นผ้าวิเศษ
ความรู้สึกในความเป็นพระแล้ว เป็นสิ่งมีค่าเหนือกว่าสิ่งใดในโลกนะสำหรับพระ
ถ้าไม่มีชุดนี้ก็คงไม่มีคนเคารพกราบไหว้
ไม่มีสัญลักษณ์แสดงให้เห็นว่าบุคคลที่ประเสริฐ
เหมือนที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านได้ชมพระอานนท์ ที่ออกแบบผ้าผืนนี้ให้เกิดขึ้น
บอกพระอานนท์ว่าผ้าผืนนี้จะเป็นธงชัยอรหันต์ จะเป็นผ้าชุดสุดท้ายที่มนุษย์ เทวดา
เห็นแล้วต้องเคารพ ต้องกราบ ไหว้ สรรเสริญตลอดเวลา ความรู้สึกบุคคลธรรมดา
ที่ได้ครองผ้ากาสาวพัสตร์ เป็นสิ่งวิเศษที่สุด
เป็นความสุขอย่างหนึ่งที่แสวงหามาตลอด
ได้กราบถามพระผู้ใหญ่ที่ท่านมาร่วมงานวิสาขบูชาว่าบวชเป็นพระ
ปัจจุบันท่าน 20 พรรษา ท่านรู้สึกยังไงบ้าง ที่อยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ไม่ใช่อะไร
มันคือความสุขที่เกิดขึ้น จากการได้ดำรงตนในเพศสมณะ
ความสุขในความเป็นพระเป็นพระเป็นยังไง ท่านบอกว่า จริง ๆ มันเหมือนจะไม่มีอะไร
แต่มันก็มี เราก็งง ไม่มีอะไรท่านเปรียบเหมือน การไม่มีสิ่งนอกตัว
เราก็นึกถึงชาวนาคุยกับพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขณะปฏิบัติศาสนกิจ
ทำสมาธิในป่า ก็มีลม มีแดด มาเป็นสาย
เม็ดฝนก็มาเรื่อยเป็นสาย ชาวนาเห็นอย่างนี้ก็นึกถึงว่า
ชีวิตสมณะทำไมต้องมานั่งกลางแดด กลางฝน ไม่มีที่เป็นหลักเป็นแหล่ง
แล้วจะมีความสุขได้ยังไง อันนี้คือความรู้สึกชาวนา ไปกราบพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
ชีวิตสมณะมาอยู่กลางแดด กลางฝน ที่เรียบง่าย ไม่มีอะไรเลย จะมีความสุขได้ยังไง
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : ท่านมาที่นี่เพื่ออะไร
ชาวนา : มาหาวัวที่หายไป
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : ท่านมีวัวกี่ตัว หายนานหรือยัง
ชาวนา : มีวัว 13 ตัว หาย
ยังหาไม่เจอ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : แล้วหาไม่เจอ
ท่านเป็นทุกข์ไหม
ชาวนา : เป็นทุกข์
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : พุทธเจ้าไม่มีวัว เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าวัวจะหาย
ไม่ต้องเป็นทุกข์เพราะวัวหาย พระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีสุขหรือมีทุกข์ ....
ชาวนา : มีสุข
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : เมืองนี้ใครมีทรัพย์สินมากที่สุด
ชาวนา : พระเจ้าพิมพิสาร
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : มานั่งสมาธิ อยู่กลางแดด กลางฝน
เหมือนพระพุทธเจ้าได้ไหม ออกจากพระนครก็จาริกไปในป่าเขา ปฏิบัติธรรมได้ไหม
ชาวนา : ไม่ได้ ท่านมีอะไรต้องทำอีกเยอะแยะ
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : ในเมืองนี้ใครมีอำนาจมากที่สุด
ชาวนา : พระเจ้าพิมพิสาร ทำอะไรก็ได้
สั่งคนทำโน่นทำนี่ก็ได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : พระเจ้าพิมพิสารใช้อำนาจทำให้มีความสุขได้ไหม
ชาวนา : ไม่ได้
พระพุทธเจ้าตรัสว่า : พระพุทธเจ้าไม่มีทรัพย์สิน
ไม่มีอำนาจ แต่มีความสุข ไม่เจือปนด้วยความทุกข์
เพราะฉะนั้นไม่แน่ว่า
ความสุขต้องมี บางทีไม่มีก็มีความสุขได้ ก็เลยเข้าใจที่พระอาจารย์บอกว่า
บางทีเหมือนไม่มี แต่ก็มี คือไม่มีสิ่งนอกตัว ที่มี คือมีความสุขที่อยู่ภายในตัว
หลวงพ่อสอนเสมอ ความสุขที่แท้จริงอยู่ที่ไหน อยู่ในตัวเราทุกคน ไม่ได้อยู่ที่อื่นไกล
เพียงว่าเราไม่รู้ว่าจะแสวงหาความสุขนั้นได้อย่างไร ถ้าเราไม่ได้มาเจอหลวงปู่
หลวงพ่อ หมู่คณะ เราก็ไม่เข้าใจความสุขที่แท้จริงที่หลวงพ่อพูด มันคือยังไง
พอมาเจอหลวงพ่อ ท่านให้ นั่งสมาธิ สอนให้ปล่อยวาง ให้หยุด ไม่ต้องคิด ไม่ต้องทำ
ทำใจสบาย ๆ เราก็เจอความสุขภายใน
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสไว้ชัด “นตฺถิ
สนฺติปรํ สุขํ ความสุขอื่น
ยิ่งกว่าความสงบไม่มี” ความสุขเกิดขึ้นได้
ต้องมีความสงบ ใจที่สงบ เหมือนพระพุทธเจ้าท่าน เสวยวิมุติสุขใต้ต้นศรีมหาโพธิ์
ท่านก็ทำสมาธิ ทำใจหยุดนิ่ง มองเข้าไปในกลาง อยู่ในกลางพระธรรมกายประจำตัว
ยาวนานทีเดียว สุขกระทั่งไม่กินก็เป็นสุขได้ ไม่ขับถ่ายก็เป็นสุขได้
อากาศภายนอกเป็นยังไง ไม่รับรู้ รับรู้เพียงความสุขที่เกิดขึ้นจากภายใน
คือความสุขมหาศาล เป็นความสุขที่ยิ่งใหญ่ ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
เพราะฉะนั้นความสุขที่พวกเราแสวงหาจริง ๆ ไม่ใช่เรื่องยาก
แค่อยู่ให้เย็นแล้วก็เป็นสุข อย่าอยู่ให้ร้อน ร้อนภายนอก ไม่ต้องมาร้อนภายใน
อากาศเริ่มร้อนพวกเราเริ่มเป็นสุขไหม นักวิทยาศาสตร์ต้องไปค้นหา
ทำยังไงให้โลกนี้เย็นขึ้น ร้อนภายนอกเรายังไม่สุขเลย ร้อนภายในเป็นยังไงบ้าง
จิตใจรุ่มร้อน จิตใจที่เผาด้วยอำนาจแห่งกิเลส ความโกรธ ความโลภ ความหลง
เผาตลอดเวลา ทำให้จิตใจเร้าร้อนตลอดเวลา เราแสวงหาความสุขเหล่านี้ได้ไหม
หลวงปู่ หลวงพ่อ คุณยาย จึงให้ปล่อยวาง
ไม่ต้องไปยึดติดในกิเลสทั้งหลายเหล่านั้น ในอำนาจสิ่งของ สรรพสิ่งอื่น ๆ
แต่ว่าไม่ใช่ไม่ต้องมีนะ เพราะว่าชีวิตต้องมีต้องใช้ และนำมาสร้างบารมี
หลวงพ่อถึงบอกต้องมีทรัพย์สมบัติ บางคนไม่เข้าใจ
ทำไมหลวงพ่อสอนให้คนโลภ ให้มีทรัพย์เยอะ ๆ
การที่เรามีทรัพย์ไม่ใช่ว่าเรามีแล้ว เอาไปทำอย่างอื่น เรามีแล้วเอามาสร้างบารมี
มาทำบุญ มีทรัพย์เยอะ ๆ ดี มีแล้วเอามาทำบุญเหมือนพวกเรานี่แหละ
พระอาจารย์รับรองได้เลยนะ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตฆราวาส พระอาจารย์ยังเชื่ออานุภาพแห่งทาน
พอบวชแล้วตั้งใจตลอดเลยว่า เรื่องทรัพย์สิน เงินทอง มาเท่าไหร่ต้องออกไปเท่านั้น
มาเท่าไหร่ทำบุญเท่านั้น ตั้งใจอย่างนี้จริง ๆ
เชื่อไหมทรัพย์สมบัตินั้นมันเข้ามาไม่ขาด รู้สึกอย่างนั้นไหม
บางคนทุ่มทำบุญเต็มที่ ทรัพย์สมบัติที่เข้ามาไม่เคยขาดสาย
พระเองนี่นะ ทำบุญไปตลอดนี่นะ ก็ยังมีปัจจัยไปทำบุญตลอด
มันเกิดขึ้นด้วยอำนาจแห่งทาน พวกเราอยู่ให้เย็นได้ ก็มีความสุขได้ เย็นทั้งกาย
เย็นทั้งใจ ความสุขเหล่านั้นก็เกิดขึ้น มาเจอกับหลวงพ่ออีก
ท่านก็สอนให้พวกเรารู้จัก เข้าใจว่า อะไรคือความสุขที่แท้จริง
ผู้ชายก็มาบวชเป็นพระ ศึกษาธรรมะ บำเพ็ญสมณธรรม จะได้รู้จักว่าอะไรคือความสุขที่แท้จริง
(เพลง...ชีวิตสมณะ V.ไทย...)
ความสุขแบบสมณะ ก็ถามท่านต่อ อยู่ได้ 20 กว่าปี
ที่อยู่ได้เพราะเป็นความสุขแบบพระ ถามว่าท่านมีความรู้แยะแยะ ท่านไปพบกับญาติโยม
ญาติโยมเคยถามไหม อะไรคือความสุขที่แท้จริง แล้วท่านอธิบายว่ายังไง
ท่านให้ตรงนี้มา ส่วนมากที่ท่านพูดกับญาติโยม ท่านบอกว่า ถ้ารักในสิ่งใด
แล้วทำในสิ่งที่รัก ชีวิตย่อมมีความสุข ถ้าไม่รักสิ่งใด แล้วต้องทำสิ่งนั้น
ทำด้วยความตั้งใจ ทำอย่างมีความสุข ชีวิตย่อมเป็นสุข ตามทันไหม
เอามาพิจารณา มันก็ใช่นะ เหมือนหลวงพ่อสอน สมัยมาบวชพรรษาแรก ๆ
จำมาจนปัจจุบันนี้ สมัยนั้นพระอาจารย์ท่านเคยพูดเอาไว้
พระอาจารย์บวชรุ่นกองพันสถาปนา รุ่นแรก ๆ บวชพันรูป มาเป็นพระพี่เลี้ยงรุ่นต่อไป
รุ่น 7 พันรูป 7 พันตำบล น้อง ๆ บวชรุ่นนี้เข้าโครงการพระอาจารย์จับมาทำหน้าที่
เป็นพระพี่เลี้ยง
เหมือนที่บอกพวกเรา
สมัยนั้นภาษาไทยยังพูดไม่ชัด ต้องมาดูแลน้อง ๆ ไม่ใช่แค่คน 2 คน สมัยนั้นน่าจะ 160
กว่า ต่อ 1 กลุ่ม พี่เลี้ยง 4 รูป มือใหม่ทั้งนั้นเลย บวชมาได้เดือนหนึ่ง ก็จับมาเป็นพี่เลี้ยง
ฝึกตัวเองก็ยังไม่รู้อะไรเลย สวดมนต์ยังสวดไม่จบ วางมาดไว้เป็นพี่เลี้ยง
ผู้มีภูมิรู้ภูมิธรรมไว้ก่อน เดี๋ยวน้องเลี้ยงไม่เชื่อถือ ก็มาดูแลอย่างนี้ 140 คน ประมาณ 160 คน
ความรู้สึกตอนนั้น จะทำได้ไหมหนอ ความสามารถอย่างเรา คิดกังวลตลอดเวลา
คำสอนหลวงพ่อประโยคหนึ่งว่า
เกิดเป็นลูกพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ไม่มีอะไรทำไม่ได้ คำว่าทำไม่ได้ ไม่มี
ทำไม่เป็นไม่มี ต้องมี ต้องได้ ต้องเป็น จำคำนี้มาตลอด
มานั่งทบทวนว่ามันใช่ไหม สังเกตเห็นจากตัวพระอาจารย์เอง
พระอาจารย์ที่สั่งสอนเรามา แม้กระทั่งพระพี่เลี้ยงดูแลเรามา จริง ๆ
แล้วท่านไม่ได้บวชมายาวนานอะไร ด้วยแรงบันดาลใจ คำสอนครูบาอาจารย์
ทำให้มีกำลังใจในการทำหน้าที่ เราเลยเอามาทดลองเป็นหลักในการทำหน้าที่
กระทั่งปัจจุบันยังยึดหลักตรงนี้ในการทำหน้าที่
ไปทำงานเผยแผ่พระพุทธศาสนาที่กัมพูชา
อย่างที่บอกเจออุปสรรคเยอะแยะเล็กน้อยบ้าง ใหญ่บ้าง ตั้งใจยังไง...เกิดมาเป็นลูกหลวงพ่อแล้ว เดินเข้ามาในเส้นทางของการสร้างบารมีแล้ว
คำว่าไม่มีไม่ได้ ไม่เป็นไม่ได้ ต้องได้ เหมือนได้กำลังใจลุยทำหน้าที่
ก็เลยทำหน้าที่ตรงนี้มา
มาสะดุดตรงประโยคที่พระอาจารย์ให้ไว้ รักสิ่งใด
ทำในสิ่งนั้น ชีวิตก็มีความสุข ลองคิดดูเรารักในสิ่งใดก็แล้วแต่
เวลาเราได้ทำในสิ่งนั้น เรามีความสุขไหม มีความสุขงานที่เกิดขึ้นจะดีมาก
เราไม่รักในสิ่งใด ไม่อยากทำ เหมือนโดนบังคับให้ทำ ทำด้วยความไม่เต็มใจไม่ตั้งใจ
ลวก ๆ ไป ผลที่ได้รับมาก็ไม่ดี ชีวิตก็ไม่มีความสุข ในเมื่อไม่ได้รับในสิ่งนั้น
บางครั้งต้องไปทำในสิ่งที่ไม่ได้รัก เรื่องที่ไม่ถนัด แต่ว่าต้องทำ
หลีกเลี่ยงไม่ได้ วางใจเลยว่า เราต้องทำให้มันด้วยความตั้งใจ ทำแล้วให้มีความสุข
ชีวิตเราก็เป็นสุข ไม่เป็นทุกข์ ถ้าทำได้ 2 อย่าง เราก็จะไม่เจอความทุกข์
บางทีมีเรื่องขัดใจ ไม่ชอบใจ ไม่พอใจ ถ้าเรายอมรับในสิ่งนั้น ทำด้วยความเต็มใจ
ทำมันให้มีความสุข เราก็จะมีความสุขไปด้วย
พระผู้ใหญ่ที่อยู่กัมพูชา 2 รูป ได้สนทนาธรรมกับท่าน
ท่านก็ให้ข้อคิดดี ๆ พระธรรมวิปัสสนา เคิ้ม สุเคือน
รองประธานศูนย์วิปัสสนานานาชาติธุดงค์ ประเทศกัมพูชา ศูนย์วิปัสสนาอันดับ 1
กัมพูชา มาวัดพระธรรมกายเป็นครั้งแรก
สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรมมาก ที่ศูนย์ท่านเปิดคอร์สสอนสมาธิ ปฏิบัติธรรมทุกเดือน
เดือนละ 2 รุ่น มีผู้สนใจมาร่วมฝึกสมาธิเยอะเลย
ถามท่านว่า ความสุขที่แท้จริงคืออะไร ท่านบอกว่า
ถ้าเป็นฆราวาสก็มีความสุขแบบฆราวาส เป็นพระก็มีความสุขแบบพระ แตกต่างกัน
แต่นั่นเพียงความสุขภายนอก ถ้าพูดถึงความสุขที่แท้จริง
นั่นก็คือความสุขที่อยู่ภายใน ความสุขที่ได้จากการปฏิบัติธรรม
ทำใจให้สงบคือการปล่อยวางจากทุกสิ่ง แล้วก็แสวงหาความสุขภายใน ที่แท้จริงเท่านั้น
ความสุขนั้นจึงไม่มีความแตกต่างกัน ระหว่างพระกับฆราวาส
ต้องบอกว่าท่านเชี่ยวชาญในการปฏิบัติธรรม คนกัมพูชาเวลาพูดถึงท่าน
จะรู้จักกันเยอะ หลวงพี่ได้มีโอกาสไปกราบท่าน
ตอนนี้ได้รับนิมนต์ไปเป็นวิทยากรบรรยายธรรมะที่นั่นด้วย ท่านมาเห็นวัดพระธรรมกาย
วันนี้ก็อยากจะมาเล่าเรื่องความคืบหน้างาน ที่เราไปเผยแผ่ตรงนั้นด้วย
เราพาท่านมารู้จักวัดพระธรรมกาย ท่านได้ยินชื่อมานานแล้ว วัดใหญ่ พระเยอะ
ญาติโยมมาทำบุญใหญ่แต่ละครั้งเป็นหมื่น เป็นแสนคน มาเห็นด้วยตา
สิ่งที่เกิดขึ้น ความเป็นระเบียบ ความสงบ เสงี่ยม สง่างาม
ของพระสงฆ์และนักสร้างบารมี ความสุขเหล่านี้ไม่ใช่เกิดขึ้นจากความเป็นระเบียบ
อะไรต่าง ๆ ที่เห็น ไม่ใช่เกิดขึ้นจากปัจจัยภายนอกนะ เกิดขึ้นจากจิตใจ
ท่านพูดในมุมมองนักปฏิบัติธรรม ที่เราจัดงานดูมีความศักดิ์สิทธิ์ มีระบบระเบียบได้ดี
เวลาปฏิบัติหรืออะไรต่าง ๆ มีความพร้อมเพรียง ว่ายังไงว่าตามกัน
นั่งสมาธิเงียบสงบนิ่ง ไม่ใช่เกิดจากปัจจัยนอก เกิดจากปัจจัยภายใน หมายถึงว่า
ถึงแม้คณะกรรมการในการจัดงาน วางแผนกันมาอย่างดีก็จริง
หมู่คณะพวกเราถูกสั่งสอนมาอย่างดีก็จริง ถ้าจิตใจเราไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์
ก็ไม่สามารถทำอย่างนี้ได้
หลวงพี่เคยไปทดลองเองนะ เวลาไปจัดงานบุญที่กัมพูชาในแต่ละครั้งนี่
พยายามวางแผนให้รัดกุม รูปแบบมีความศักดิ์สิทธิ์ เป็นระเบียบ สงบ เสงี่ยม สง่างาม
ยังไงก็ตามก็ยังไม่สวยงาม ดูไม่ศักดิ์สิทธิ์เหมือนที่วัดพระธรรมกายจัด
มันเทียบกันไม่ได้ พอท่านพูดมานั่งทบทวนว่า คนที่โดนฝึกภายนอกมาแล้ว
มาฝึกภายในด้วยให้เรามีกาย วาจา ใจ ที่สะอาดบริสุทธิ์ ทำสมาธิทุกวันทำให้จิตใจเราอ่อนโยน
เวลาหลวงพ่อพูดอะไร หมู่คณะพูดอะไร เรายอมรับปฏิบัติตาม
เลยทำให้หมู่คณะพวกเรางดงาม หลวงพี่พูดได้อย่างไม่อายปากเลย
น่าจะเป็นหมู่คณะที่เป็นต้นแบบที่ดี สำหรับนักสร้างบารมีไปทั่วโลก
อนุโมทนาบุญกับทุกท่านด้วย จงรักษาความงาม ความดีนี้เอาไว้ อย่าคิดว่าเราทำเล็ก ๆ
ที่วัดพระธรรมกาย ไม่มีผลอะไร จริง ๆ มีมาก ๆ เป็นต้นแบบในการสร้างบารมี
ชาวกัมพูชาปัจจุบัน สนใจมาวัดพระธรรมกายเยอะขึ้น ๆ
ต้องบอกว่าชื่อเสียงวัดพระธรรมกายในกัมพูชา ไม่แพ้ที่ประเทศไทย โด่งดังทีเดียว หลวงพี่ไปที่ไหนตอนนี้
มาจากวัดพระธรรมกาย ทุกคนรู้จักหมด เหมือนวัดพระธรรมกายอยู่กัมพูชาเลย
บางทีไปสถานที่ที่ไม่ใช่วัด ไปเจอพระก็ยังรู้จักกัน ถามไปถามมา
เคยมาวัดพระธรรมกาย ท่านดีใจที่มีวัดพุทธ เหมือนวัดพระธรรมกาย อยู่ในโลกปัจจุบัน
ท่านหวังเสมอ เมื่อไหร่จะมีวัดสาขาวัดพระธรรมกายที่ ประเทศกัมพูชาสักที
จะได้ไม่ต้องเดินทางไกลมาดูงานถึงประเทศไทย ท่านอยากให้มี ให้เกิดขึ้นเร็ว ๆ
นี้
ท่านบอกว่ามาวัดพระธรรมกายแต่ละครั้ง อดจะชื่นชมไม่ได้เรื่องการจัดการบริหารในวัด
เรื่องการต้อนรับ ปฏิสันถาร สำคัญที่สุดเรื่องการฝึกคน ท่านบอกว่าบางวัดเจ้าอาวาส
20 พรรษา พระเถระ พระมหาเถระ เทศน์ทุกวัน ก็ไม่ได้ดั่งใจ ชาวบ้านพุทธบริษัทที่มาวัด
ก็ไม่ได้ดั่งใจ พอมาเห็นหมู่คณะที่วัดพระธรรมกาย ชอบมาก ตั้งแต่การแต่งกาย พูดปิยวาจา
การปฏิบัติตนกับพระภิกษุสงฆ์ อยากให้รักษาความดีงามนี้เอาไว้
จะได้เป็นตัวอย่างสุดยอดของนักสร้างบารมี
อีกท่านหนึ่ง พระมหาดร.วิบุลเวที เปญ วิบุล
ศาสตราจารย์สอนที่มหาลัยปัญญาศาสตร์ ดังที่สุดในกัมพูชา แผนกธรรม บาลี
ท่านมีความรู้พุทธศาสนาเยอะ เป็นที่เคารพรักของคณะสงฆ์และญาติโยมที่กัมพูชา
ท่านเคยมีโอกาสมาวัดพระธรรมกายหลายครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ปีแรกที่ท่านมา
จำไม่ผิดน่าจะวันสลายร่างคุณยาย ท่านเข้าวัดก่อนหลวงพี่
หลวงพี่ยังมาไม่ทันสลายร่างคุณยายฯ
ครั้งที่ 2 วันคุ้มครองโลก สมัยนั้น ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3
แม้เวลาที่มาแต่ละครั้ง ผ่านมา 10 ปี สลายร่างคุณยายฯผ่านมาหลายปีแล้ว
วันคุ้มครองโลก ปีนี้วันวิสาขบูชาท่านบอกว่า ถึงแม้เวลามาแต่ละครั้ง ผ่านไปหลายปี
เป็น 10 ๆ ปี ก็มีนะ ท่านมาแล้วนี่เห็นความเปลี่ยนแปลง แตกต่าง
สมัยก่อนวัดพระธรรมกายไม่เจริญเติบโตเหมือนปัจจุบัน ยังไม่มีอาคารใหญ่ ๆ โต ๆ
คนมาวัดเยอะ มาครั้งนี้เห็นวัดเจริญเติบโต มีอาคารใหญ่ ๆ อาคาร100 ปี ตระการตา
เหมาะสมเป็นวัดที่เป็นศูนย์กลางเผยแผ่พุทธศาสนาไปทั่วโลก
เป็นวัดตัวอย่างให้วัดทั่วโลกมาศึกษาดูงาน ท่านมาเองรอบนี้มีโอกาสไปศึกษาดูงานต่าง
ๆ ทำไมวัดพระธรรมกายผ่านไปไม่กี่ปี ปีนี้ 49 ปีวัดพระธรรมกาย เจริญเติบโตมาถึงปัจจุบันเพราะอะไร
ท่านรู้สึกยังไงกับความสุข ท่านบอกว่า ความสุขมีหลายแบบ
อาศัยอยู่ที่ความพึงพอใจของแต่ละบุคคลว่า จะพอใจแบบไหน
แบบไหนเป็นความสุขที่ต้องการ ถ้าถามถึงความสุขที่แท้จริงนั้น
ต้องยกให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงพบกับความสุขที่แท้จริง ที่เรียกว่าวิมุตติสุข
สุขที่อิ่มเอิบเบิกบานใจ หาสิ่งใดเปรียบไม่ได้
นั่นคือสุขที่เกิดจากการปฏิบัติสมาธิ เจริญภาวนา กรรมฐานนั่นเอง
อยากมาเล่าให้พวกเราฟังว่า จริง ๆ แล้วทำไมมาวัดพระธรรมกายแต่ละครั้ง
ต้องฝึกสมาธิ เหมือนที่พระอาจารย์พูด ความสุขที่แท้จริงเกิดจากความสงบทางใจ
เกิดขึ้นจากการปฏิบัติธรรม พระสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ทำให้เห็น เป็นตัวอย่างมาแล้ว
ความสุขไม่ใช่เรื่องหายาก การที่จะไปถึงความสุข ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เรื่องง่าย ๆ
ใกล้ตัวทุกคน เพียงแต่ว่าพวกเราจะยอมที่จะแสวงหาความสุขเหล่านั้นหรือเปล่า
หลวงพี่พาญาติโยมกัมพูชามาแต่ละครั้ง ตอบคำถามเดียวตลอดว่า
บุญไหนก็ตาม บูชาข้าวพระ.. วิสาขบูชา.. มาฆบูชา.. วันคุ้มครองโลก ..กฐิน
แต่ละครั้งทำไมต้องนั่งสมาธิ ถึงบอกว่าอันนี้เป็นสิ่งขาดไม่ได้นะ
หลวงพ่อท่านบอกเอาไว้แล้วสมาธิสำคัญที่สุด หลวงปู่ชี้แจงชัดเจนว่าสมาธิสำคัญ
การที่จะให้มนุษย์ทุกคนมีความสุขได้ จะให้โลกทั้งใบนี้มีสันติสุขได้
ต้องเกิดจากสันติสุขภายใน
ความสุขภายนอกจะเกิดขึ้นได้
ก็อาศัยความสุข สันติภาพภายใน เราช่วยกันสร้างสันติสุขให้เกิดขึ้น
สร้างความสุขให้เกิดขึ้น หมู่คณะเราสำคัญ กัมพูชายังยกย่อง เห็นพวกเราเป็นตัวอย่าง
ขนานนามให้พวกเราว่าเป็นสุดยอดนักสร้างบารมีที่แท้จริง เห็นแล้วเกิดความศรัทธา
ปลื้มปีติใจได้ มีความงดงามภายในตัว ไม่ใช่แค่ภายนอก งดงามภายในที่เกิดขึ้นจากความสุขภายใน
พวกเราเจอความสุขแล้ว เราก็ต้องปันความสุขนั้นไปให้ ชาวโลกได้รับรู้ด้วย
(เพลง...ปันความสุขให้...)
ก่อนที่หลวงปู่ท่านกลับไปพักผ่อน ท่านฝากคุณยายไว้ ให้นำพระพุทธศาสนาวิชชาธรรมกาย
แผ่ขยายไปทั่วโลก คุณยายถ่ายทอดมาถึงหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านก็ถ่ายทอดมาถึงพวกเราทุกคน
เพราะฉะนั้นการที่จะนำวิชชาธรรมกาย ให้แผ่ขยายไปทั่วโลกได้ ต้องเริ่มต้นจาก
พวกเราทุกคน พระก็ทำหน้าที่ของพระอย่างเต็มที่
ญาติโยมก็ทำหน้าที่ของญาติโยมอย่างเต็มที่
พวกเราก็ช่วยสนับสนุนงานพระพุทธศาสนา อย่างเต็มที่เต็มกำลัง
เป็นต้นบุญต้นแบบให้ชาวโลกได้เห็นว่า พระพุทธศาสนามีสิ่งดี ๆ มากมาย
ไม่ใช่แค่เพียงธรรมะ พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พุทธบริษัทนั้น
มีความดีความงามที่เกิดขึ้นจากพระธรรมคำสอน อันทรงคุณค่าของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
เพราะฉะนั้นถ้าพวกเราทุกคนตั้งใจฝึกตัวเองทั้งภายใน ทั้งภายนอก ให้สว่าง
ให้บริสุทธิ์ มั่นใจว่าวันใดวันหนึ่งเราก็สามารถ ทำมโนปณิธานพระเดชพระคุณหลวงปู่
หลวงพ่อ คุณยายฯ ให้สำเร็จได้
เราจะได้จับมือกันเผยแผ่พุทธศาสนาวิชชาธรรมกายไปทั่วโลกทุกคนเลยนะ
วันนี้หลวงพี่ขออนุโมทนาบุญ ขออำนวยอวยพร
ให้ทุกท่านซึ่งเป็นสุดยอดของนักสร้างบารมี ที่ตั้งใจสนับสนุนพระพุทธศาสนา
ฝึกฝนตนเองมาตลอด ด้วยอำนาจบุญบารมีที่พวกเราได้ทำทั้ง ทาน ศีล บารมีทั้ง 10 ทัศ
ขอให้บุญบารมีทั้งหลายเหล่านี้ จงปกปักรักษา ให้พวกเราจงมีแต่ความสุขความเจริญ
ปรารถนาสิ่งใดในทางที่ชอบ ประกอบด้วยกุศล
ขอให้สัมฤทธิ์ผลดั่งกมลที่มุ่งมาดปรารถนาไว้ดีแล้ว ตั้งใจไว้ดีแล้วทุกประการ
ให้มีสมบัติมหาศาล สมบัติจักรพรรดิตักไม่พร่อง
ติดตามตัวไปในการสร้างบารมีไปทุกภพทุกชาติ ให้ได้ตามติดติดตามมหาปูชนียาจารย์
เพื่อช่วยกันปกป้อง ปกปักษ์รักษาพระพุทธศาสนา เผยแผ่วิชชาธรรมกายไปทั่วโลก
ไปทุกภพทุกชาติ ตราบวันถึงที่สุดแห่งธรรมเทอญ
(เพลง...พระศรีอริยเมตไตรย์ V.1...)
#ฝันในฝัน #โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน #โรงเรียนฝันในฝัน #กฏแห่งกรรม #ธรรมะ #แสดงธรรม #นักเรียนอนุบาล #กัมพูชา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น