โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
วันพุธที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ.2561
พระมหาทศพร ปุญญงฺกุโร
แสดงธรรมเรื่อง ปลื้ม ๆ
ห้องSPD 4 สภาธรรมกายสากล
**********************
ความเพียรควรทำในวันนี้
ใครเล่าจะรู้ความตายแม้วันพรุ่งนี้ เพราะความผลัดเพี้ยนต่อมัจจุราช ผู้มีเสนาใหญ่ย่อมไม่มีแก่เราทั้งหลาย
ขอเจริญพรนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาผู้มีบุญทั่วโลกทุก
ๆ ท่านนะ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่นักเรียนอนุบาลฯ ทุกๆ ท่านจ๊ะ ให้รวยทุกท่านด้วยนะ
สาธุ ๆ
มัจจุราชนี่ มีเสนาใหญ่จริง ๆ ไม่มีใครเลยที่สามารถต้านทานความแก่
ความเจ็บ ความตายได้เลย แม้แต่ความเกิดก็ตาม บางคนบอกไม่อยากจะเกิด
อยากจะบรรลุธรรมให้พ้นจากวัฏสงสาร อยากจะได้ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายแล้ว
แต่ถ้าจิตยังไม่ผ่องใสบริสุทธิ์ หลุดร่อนจากกิเลสอาสวะ
เมื่อนั้นก็ไม่อาจจะต้านทานการเกิดได้ ก็ต้องถูกวิบากกรรมดึงดูดมาเกิดตามบุญ
ตามบาปของแต่ละคนที่ทำไว้ ดูดมา สุดท้ายก็ต้องมาเกิด แก่ เจ็บ ตายไป
ชีวิตมนุษย์ที่เห็นนี้สั้นนักแค่ไม่ถึง
100 ปี
แต่ชีวิตหลังความตายยาวนาน ไปอยู่ในภพภูมิไหน
แค่ไปอยู่ในภพภูมิที่เป็นโลกมนุษย์ด้วยกัน สมมุติเป็นผีตีน โลงตีนศาล บางทีก็อยู่เป็นหลายร้อยปี พันปี หมื่นปี เช่นชาดกที่เคยเล่า
แค่ไปอยู่เมืองของเวมานิกเปรตแค่ไม่กี่วัน ปรากฏว่าในเมืองมนุษย์ผ่านไปเป็นร้อยปีมนุษย์แล้ว
จนรุ่นตัวเองตายไปหมดแล้ว
ลูกหลานก็โตกันหมดแล้ว เวลามันต่างกันมาก
เพราะฉะนั้น เวลาบนโลกมนุษย์มันนิดเดียว เราเกิดมาเพื่อทำพระนิพพานให้แจ้งแสวงบุญ
สร้างบารมี ถ้าพระนิพพานยังไม่แจ้งสร้างบุญสร้างบารมีไปตามแต่อินทรีย์
ตามแต่ความแก่กล้าของกำลังใจของแต่ละท่าน
ถ้าใครอินทรีย์อ่อนหน่อยก็สร้างทานบารมีไป ถ้าอินทรีย์แก่ก็บำเพ็ญเนกขัม ปัญญา วิริยะ ขันติ ให้แก่กล้าขึ้นไป
จนถึงสุดท้าย เมตตา อุเบกขาบารมี
แล้วเราก็จะได้บรรลุธรรมของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในที่สุด
อบายนี่น่ากลัว แล้วทำอย่างไรดี เราจะทำให้อบายภูมินี้ไม่เป็นสถานที่ที่น่ากลัวสำหรับเรา
เราก็ต้องปฏิบัติตามโอวาทปาติโมกข์ คือ ละชั่ว ..ทำดี ..ทำจิตใจให้ผ่องใสเบิกบาน
ละชั่วก็คือการรักษาศีล ...ทำดีคือการทำทาน สงเคราะห์โลก
ช่วยเหลือสังคม บูชาผู้มีคุณ บูชาบิดามารดาเป็นต้น ...ให้ทาน รักษาศีล
ทำใจให้ผ่องใส ทำสมาธิภาวนา ทำจิตให้มุ่งตรงต่อพระนิพพาน ถ้าทำได้อย่างนี้นรกก็ไม่ใช่สถานที่ ที่เราจะต้องไปอยู่
แต่เราก็อย่าประมาท เรามีเป้าหมายพักกลางทางที่ดุสิตบุรี วงบุญพิเศษเขตพระบรมโพธิสัตว์
พระบรมโพธิสัตว์
หมายถึงผู้ที่จะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์ต่อ ๆไป หมายความว่า ถ้าเป็น
ปัญญาธิกพุทธเจ้า สัทธาธิกพุทธเจ้า วิริยาธิกพุทธเจ้า ก็มี 20 อสงไขย 40
อสงไขย และ 80 อสงไขย ซึ่งแต่ละพระองค์เป็นพระโพธิสัตว์ ล้วนเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบารมีทั้งสิ้น ทุกพระองค์ตัดศีรษะบูชามากกว่าผลมะพร้าวในท้องพระมหาสมุทรทั้งสี่
ควักดวงตามากกว่าดวงดาวบนท้องนภากาศ สละเลือดมากกว่าน้ำในมหาสมุทรทั้งสี่
เราจะไปเกิดดุสิตบุรีซึ่งเป็นสถานที่ของพระโพธิสัตว์ เราสร้างบารมีได้อย่างนั้นหรือยัง แต่เราก็มีวิธีทำให้ได้อย่างสม่ำเสมอ ตลอดต่อเนื่อง และที่สำคัญที่สุดคือ เรามีทางลัด
ที่พระโพธิสัตว์บำเพ็ญบารมี 20 อสงไขยเป็นต้น เพื่อตรัสรู้ธรรม บรรลุธรรม ค้นพบวิธีการ อริยมรรคมีองค์ 8 อริยสัจจ์ 4
ทุกข์ สมุหทัย นิโรธ มรรค
เหตุแห่งทุกข์ก็พอจะรู้บ้างในบางศาสนา แต่ถ้าสำหรับพระพุทธองค์บอกเลย ความอยาก ตัณหา
ทางแห่งการดับทุกข์ วิธีการดับทุกข์ นิโรธ ทำใจหยุด มรรคก็คือหนทางวิธีการดำเนินไปสู่ใจหยุดนั้น เข้าไปสู่ทางสายกลาง
คือที่บำเพ็ญบารมีมาทั้งหมดทั้งสิ้น 20 อสงไขยเพื่ออริยมรรคนี่เอง อริยมรรคมีองค์ 8 อยู่ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7
แต่ตอนนี้เราลัดขั้นตอน 20 อสงไขย
เรารู้หมดแล้วจากพระเดชพระคุณหลวงปู่ พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร)
ผู้ค้นพบวิชชาธรรมกาย พระผู้ปราบมาร
เรารู้แล้วว่าศูนย์กลางกายฐานที่ 7 นี้คือทางหลุด ทางพ้น
ทางมุ่งไปสู่มรรคผลนิพพานของเราซึ่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้ากว่าจะแสวงหาเจอ 20 อสงไขย
แต่เราเจอแล้ว เรามีทางลัดที่จะไปดุสิตบุรีได้
เพราะถ้าได้เข้าถึงพระธรรมกายเมื่อไหร่ จิตเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับพระธรรมกายก็สามารถกลับดุสิตบุรีได้
เพราะฉะนั้น
สำคัญมากที่จะต้องเอาชีวิตเป็นเดิมพันในการสร้างบารมี
และถ้ายังไม่สามารถเข้าถึงธรรมได้ อย่างน้อย ๆ บุญบารมีที่เราได้สั่งสมไว้ บารมี
10 ทัศทั้งหลาย ก็จะเป็นเครื่อง เป็นเชื้อเพลิงนำทางให้เราไปสู่ดุสิตบุรีได้ (- เปิด VDO Case Study เรื่องไม่ได้กลับดุสิตบุรี )
ฟังแล้วรู้สึกว่าต้องสร้างบารมีให้มากกว่าเดิม โลกมนุษย์นี้ไม่ใช่ที่พักผ่อน ไม่ใช่ที่เสวยผลบุญ
โลกมนุษย์เป็นเหมือนตลาดค้าบุญ ค้าบาป ใครจะตักตวงบุญ ใครจะตักตวงบาปไป ถ้าใครทำบุญตอนเป็นมนุษย์มากก็ได้บุญไปมาก ถ้าใครทำบาปมากตอนเป็นมนุษย์ก็ได้บาปไปมาก
ทุก ๆ บุญ อย่าดูหมิ่นบุญแม้เพียงเล็กน้อยว่าจะไม่มาถึง
แม้การตกลงแห่งหยาดน้ำ ยังสามารถทำให้ตุ่มเต็มได้ฉันใด
บุคคลแม้สั่งสมบุญได้ทีละน้อย ก็ย่อมเต็มด้วยบุญได้ฉันนั้น
อย่าดูดถูกบุญว่าเล็กน้อยจะไม่ส่งผล ทำทีละนิดหน่อยรวม ๆ
กันก็สามารถส่งผลได้เหมือนกัน ทำบุญแล้วต้องปลื้ม ปลื้มแล้วหาบุญได้ต้องใช้บุญเป็น ต้องนึกถึงบุญบ่อย ๆ
ความปลื้มต้องเพิ่มขึ้น ๆ ต้องมั่นใจว่าวันนี้บุญเราเพิ่มขึ้นมากกว่าเมื่อวาน
- แจ้งข่าวบุญวันที่ 21 กรกฎาคม 2561
พิธีถวายประทีปโคมไฟในเทศกาลเข้าพรรษา ผู้ให้ประทีปชื่อว่าให้จักษุ ให้ดวงตา..
มีตาทิพย์ หูทิพย์ รู้ญาณแม่นยำ มองไปทางไหนเห็นหมดไม่มีอะไรกำบังได้
มีแววตาอันสวยสดงดงาม มีดวงปัญญาสว่างไสว
- วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 พิธีถวายผ้าอาบน้ำฝน ผู้ให้ผ้าชื่อว่าให้วรรณะ ตรงกับวันอาสาฬหบูชา
ในช่วงเย็นมีพิธีฉลองชัยชิตังเม
สวดธัมมจักกัปปวัตตนสูตร 600 ล้านจบ
- วันเข้าพรรษา วันที่ 28 กรกฎาคม 2561
พิธีถวายภัตตาหารเป็นสังฆทาน ณ หอฉันคุณยายอาจารย์ ฯ ผู้ให้อาหารชื่อว่าผู้ให้กำลัง ช่วงเข้าพรรษานี้เราก็ถือโอกาส
ได้ทำบุญในวันสำคัญทางพระพุทธศาสนา เป็นนิมิตที่ดีว่าในช่วงเข้าพรรษานี้ว่า
พระภิกษุสงฆ์แต่ละรูปท่านจะได้มีกำลังใจในการประพฤติ ปฏิบัติธรรมตลอด 3 เดือน
ผู้ให้ยานพาหนะชื่อว่าให้ความสุข
ผู้ให้ที่อยู่อาศัยชื่อว่าให้ทุกสิ่งทุกอย่าง อีก 10 วันจะเข้าพรรษา เราต้องตั้งใจประพฤติ ปฏิบัติธรรม เป็นช่วงที่อากาศกำลังดี ไม่ร้อนเกินไปไม่หนาวเกินไป (- เปิด VDO ทบทวนบุญ ปลื้มบุญ )
ใครนึกถึงบุญออกทุก ๆ บุญ มีบุญมาก
ต้องนึกถึงบุญออกจึงจะปลื้มได้ ถ้านึกไม่ออกไม่หมั่นนึก
จะถูกกระแสโลกดึงดูดไปเกาะเกี่ยวในเรื่องกามราคะ เรื่องกามคุณ รูป เสียง กลิ่น รส
สัมผัส ธรรมารมณ์ ซึ่งเป็นของคู่โลก เรื่องกิน กาม เกียรติยศศักดิ์ศรี
เป็นของที่มีมาแต่โบราณ
ถ้าเราไม่นึกบ่อย ๆ
ไม่ฝึกใจของเราให้อยู่ในบุญกุศลจะถูกดึงไปในเรื่องเหล่านี้ สุดท้ายถ้าไม่ระวังมาก
ๆ นิด ๆ หน่อย ๆ ที่เราเรียก อบายมุข บางข้อก็ผิดศีล แต่บางข้อก็ไม่ผิดศีล อย่างเช่น เล่นการพนัน
ดูการละเล่น ดูหนัง ฟังเพลงก็ไม่ผิดศีล หรือเกียจคร้านการงาน ก็ไม่ผิดศีล แต่สิ่งเหล่านี้พอทีละนิด ๆ พอนาน ๆ
เข้าก็จะขยายเพราะไม่ระวัง อินทรีย์ไม่แกร่งกล้าพอ ศรัทธา ความเพียร สติ สมาธิ
ปัญญา ไม่แก่กล้าพอ สุดท้ายก็จะถูกอบายมุขนี้ กินไปหมดโดยไม่รู้ตัว
มารู้ตัวอีกทีก็สายเสียแล้ว
เหมือนคนเลิกบุหรี่มาได้ 2 ปี
แล้วมาสูบแค่มวนเดียว แต่กลายเป็นมาสูบบุหรี่อีกจนเลิกไม่ได้ อบายมุขอันตรายมาก
อย่าประมาท
- ทำบุญอย่างไร?
ให้ปลื้ม
1. บุญเล็ก บุญน้อยอย่าปล่อยผ่าน
ไม่ดูหมิ่นบุญแม้เพียงเล็กน้อย เช่น บุญขัดห้องน้ำ เก็บเพชรพลอย
ให้นึกเป็นบุญให้หมด
2. สร้างความเข้าใจในบุญ ต้องใช้ปัญญาว่าการเก็บเพชรพลอย
ได้บุญอย่างไร เราได้ช่วยดูแลเสนาสนะ ศาสนสถาน วัดเราคนเดินผ่านไป ผ่านมา อารมณ์ดี
อารมณ์สบาย เราช่วยให้เขาเข้าถึงธรรมได้อย่างง่าย ๆ
3. อธิษฐานจิตด้วยใจเย็น ๆ
เวลาทำแล้ว พระโพธิสัตว์ให้อาหารนก อธิษฐานจิตขอเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การอธิษฐานจิตโดยให้มีความรู้สึกว่าสิ่งที่อธิษฐานจิตไปนั้นจะสำเร็จในวันรุ่งขึ้น
เหมือนว่าจะต้องสำเร็จอย่างแน่นอน เหมือนสุเมธดาบส
เมื่อได้รับพยากรณ์จากพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีความรู้สึกว่า มีความรู้สึกว่า 4
อสงไขย จะสำเร็จในวันรุ่งขึ้น เกิดปีติเบิกบาน มีความสุข ไม่มีความรู้สึกว่าไม่สำเร็จเลย
ไม่มีความลังเลสงสัย ใจเป็นธาตุสำเร็จ จากนั้นความคิด คำพูด การกระทำจะตามมา
ผังสำเร็จก็จะเกิดขึ้น ถ้าสำเร็จชาตินี้ก็สำเร็จทุกชาติ
ชาดกในพระไตรปิฎก
พระสัมมาสัมพุทธก็โปรดได้ทุกครั้ง ถ้าทำสำเร็จก็สำเร็จได้ทุกชาติ
โปรดได้ก็โปรดได้ทุกชาติ ถ้าโปรดไม่ได้ ก็จะโปรดไม่ได้ทุกชาติ เช่น พระเทวทัต
นางจิญจมาณวิกา นางมาคันทิยา จะเป็นผังติดตัวเราไปข้ามภพข้ามชาติ
4.หมั่นทำสมาธิให้จิตอ่อนโยนนุ่มนวลควรแก่การงาน
ทั้ง 4
ข้อนี้เป็นตัวอย่างที่พระอาจารย์ทำแล้วได้ผลนะ
เวลาเราทำทานแล้วรู้สึกปลื้ม มีความสุข ใจใส แต่พอมีใครมาแหย่
นินทา ทำให้โกรธ ไม่ถูกใจ มีโอกาสเผลอใจตก หงุดหงิด โกรธได้สูงมาก แต่ถ้าจะไม่หงุดหงิด ไม่ขุ่นมัว
ถ้าจะมีสติที่เต็มบริบูรณ์ ต้องทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา
เรื่องเล่าจากพระไตรปิฎกที่ทำให้พระอาจารย์เกิดกำลังใจในการบวชต่อ
พระปิณฑะปาติยะเถระ ในยุคที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพานไปแล้ว
มีวัดในชนบท ในเมืองนั้นมีประชาชนอยู่เป็นจำนวนมาก
เป็นที่ศรัทธาของประชาชนทั้งหลายทำให้ทำให้วัดนี้ มีคนมาถวายภัตตาหารเยอะมาก
ในระดับที่พระภิกษุสามเณรท่านฉันไม่หมด ท่านจึงแจกจ่ายให้ญาติโยม พระภิกษุทั้งหลายมีทั้งพระอรหันต์
พระสกิทาคามี และพระภิกษุที่ยังมีกิเลสอยู่ก็มี การฝึกตัว อินทรีย์ก็แตกต่างกัน
พระภิกษุก็เลือกฉัน แล้วอาหารที่ไม่ประณีตก็ทิ้ง
มีครอบครัวหนึ่งยากจนมาก
อุบาสกมีศรัทธา ได้ฟังธรรมมาว่า ทานของผู้ยากไร้นั้นมีผลมาก
แต่ว่าเราจะให้ทานทุกวันมันก็ยากเพราะยากจน จึงให้ทาน 2 อาทิตย์ให้ทาน 1 ครั้ง
ได้เอาภัตตาหารที่ไม่ค่อยประณีตไปถวายพระ พระท่านไม่ฉัน
แต่ปรากฏว่ามีพระอยู่รูปหนึ่งนำภัตตาหารของครอบครัวนี้ไปเททิ้งต่อหน้าภรรยา
เธอรู้สึกน้อยใจนิดหน่อย และขายหน้า ว่าทำไมภัตตาหารของตัวเองไม่ได้รับการฉัน
สงสัยภัตตาหารจะหยาบสู้กับภัตตาหารของคนอื่นไม่ได้ แต่มองโลกในแง่ดีว่าสักวันจะถวายภัตตาหารที่ประณีตแด่พระภิกษุ
และได้ปรึกษากับสามีว่าควรทำอย่างไร …จึงได้ตกลงกันว่า
เอาลูกสาวไปขาย ถ้ามีเงินจะมาไถ่ ได้เงินมา 12 กหาปณะ ได้เอาเงินไปซื้อโคมา 1 ตัว
และตั้งใจว่าจะเอาน้ำนมโคทำอาหารหวานคาวอย่างดีไปถวายพระ
ด้วยบุญและความตั้งใจที่ทำได้ยากนี้เอง
โคได้มีน้ำนมออกมา 3 เท่าจากปกติจะออกมาเพียงภาชนะเดียว และออกมาวันละ 2 เวลา เช้า
– เย็น ได้นำน้ำนมไปทำเนยใส น้ำนมปรุงภัตตาหารไปถวายแด่พระภิกษุ ท่านจึงได้ขบฉัน
และได้ถวายทุกวันเช้า – เย็น จนปลื้มปีติใจ สามีไปทำงานที่ต่างเมืองเพื่อหาเงินมาไถ่ลูกสาวเป็นเวลา
6 เดือนได้ค่าจ้างมา 12 กหาปณะ
ในขณะที่เดินทางกลับบ้านได้พบกับพระติสสะเป็นพระที่ยังมีกิเลสอยู่เอาภัตตาหารไปทิ้ง
เลือกฉันไปอยู่เมืองนั้นพอดี ใช้เส้นทางเดียวกันเดินทางมาเจอกันกลางทาง คิดว่านานมากแล้วที่ตัวเองไม่เจอพระภิกษุ
ไม่ได้ทำบุญ อุบาสกชื้อข้าวจากพ่อค้าที่เดินทางมาพอดี 1 ห่อ ด้วยเงิน 1
กหาปณะพ่อค้าไม่ยอมขายจึงขอซื้อด้วยเงินทั้งหมดที่มีคือ 12
กหาปณะแต่พ่อค้าก็ยังไม่ขาย
อุบาสกจึงอ้อนวอนว่าจะนำข้าวนี้ไปถวายพระภิกษุพ่อจึงยอมขาย อุบาสกนำไปถวายพระภิกษุสมความตั้งใจ
เมื่อพระภิกษุฉันภัตตาหารแล้ว
จึงเดินทางมาพร้อมกันกับอุบาสกและได้สนทนากันในระหว่างทาง
เมื่อพระภิกษุได้ฟังเรื่องราวจากอุบาสกท่านรู้สึกสลดใจ
เมื่อกลับไปถึงวัดพระติสสะเข้าไปในกุฏิปิดประตูลงกลอนตั้งใจปฏิบัติธรรม
อธิษฐานว่าถ้าไม่บรรลุธรรมยอมตาย ท่านนั่งสมาธิจนมาถึงคืนที่ 7
จึงบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์
เมื่อบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์แล้วเป็นธรรมเนียม
ท่านตีกลองเรียกประชุมพระทั้งหมดในวัด
และถามพระภิกษุทั้งหลายว่ามีท่านใดสงสัยในเรื่องของมรรคผลหรือเปล่า
เจ้าอาวาสจึงถามว่าอะไรเป็นเหตุให้ท่านพูดเรื่องนี้
พระติสสะเถระจึงเล่าเรื่องให้ฟัง
จากนั้นก็ตรวจดูสังขารของตัวเองว่าไม่สามารถเป็นอยู่ต่อไปได้แล้ว เพราะอดอาหาร
อั้นอุจจาระ ปัสสาวะเป็นเวลานาน 7 วัน เหนื่อยล้าเต็มทน
จึงได้อธิษฐานจิตว่าเวลาจะชำระร่างของเรา
ไม่ว่าใครก็ตามจะไม่สามารถยกร่างของเราขึ้นสู่เชิงตะกอนได้
จะต้องเป็นอุบาสกที่ถวายข้าวห่อนั้นแก่เราเท่านั้น
เพียงแค่แตะเท่านั้นร่างเราจะยกขึ้นสู่เชิงตะกอน
สั่งเสียเสร็จ แล้วท่านก็ปรินิพพาน ณ ที่ตรงนั้นนั่นเอง
พระราชาทราบข่าวว่ามีพระอรหันต์ปรินิพพานอยู่ที่วัดในเมืองของพระองค์
จึงสั่งให้สร้างเรือนยอดอย่างงดงามไว้เป็นที่ชำระร่างของพระอรหันต์รูปนั้น
เมื่อบำเพ็ญศพครบ 7 วัน พระราชาจะเป็นประธานเอง ยกเรือนยอดไม่ขึ้น
ยกร่างพระอรหันต์ไม่ขึ้น
พระราชาทรงถามเจ้าอาวาสว่าก่อนจะปรินิพพานท่านได้สั่งเสียอะไรไว้บ้าง
เมื่อทราบเรื่องราวจึงเรียกอุบาสกท่านนั้นมา ให้อุบาสกเป็นผู้ชำระร่าง
ทันทีที่อุบาสกกราบเท้าพระเถระและเอามือแตะที่ร่างของพระเถระ
ร่างพระเถระก็ขึ้นสู่เชิงตะกอน ไฟก็ติดขึ้นมาเองชำระร่างของพระเถระ ณ
ที่ตรงนั้นเอง
พระราชาปลื้มปีติเป็นอย่างมาก
พระราชทานทรัพย์ให้แก่อุบาสกเป็นจำนวนมาก เป็นมหาเศรษฐีในวันนั้นเอง ด้วยอานิสงส์ของการถวายข้าวเพียงห่อเดียวเท่านั้น
เรื่องราวนี้พระอาจารย์ได้ฟัง
ก็เกิดกำลังใจเป็นอย่างมากที่จะประพฤติ ปฏิบัติธรรม
เกิดกำลังใจในการบวชจนมาถึงทุกวันนี้เลย เพราะขนาดพระติสสะ ฉันแล้วทิ้ง แล้วนอน
ยังสามารถบรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ได้ เพียงแค่คิดได้
เพราะฉะนั้นช่วงนี้เข้าพรรษาพอดี
ช่วงเทศกาลบุญ อย่าให้ขาดบุญเลยแม้แต่เพียงเล็กน้อยนะ
และอย่าลืมดูแลพระภิกษุสามเณรวัดใกล้บ้าน และวัดที่เราคุ้นเคยด้วย
ทำบุญทุกบุญก็ต้องปลื้มปีติเบิกบานในทุก ๆ บุญ
สัปปุริสทาน
1.ศรัทธา ถ้าทำบุญด้วยศรัทธาอานิสงส์
ทำให้มีทรัพย์มาก มีผิวพรรณวรรณะผ่องใส
2.เคารพ ถ้าทำทานด้วยความเคารพ
เวลาบุญส่งผล ข้าทาสบริวาร บุตร ภรรยา จะอยู่ในโอวาท
3.กาลอันควร
ให้ทานตามกาลอันสมควร เวลาบุญส่งผลจะเกิดอย่างถูกที่ ถูกเวลา จิตน้อม
เป็นจิตที่ละเอียดอ่อน เวลาบุญส่งผลก็จะถูกต้องตามกาลสมควร เวลาต้องการทรัพย์ก็จะมีทรัพย์เกิดขึ้น
4.จิตอนุเคราะห์
ทำบุญด้วยจิตอนุเคราะห์ อยากช่วยให้ผู้อื่นพ้นทุกข์
เวลาบุญส่งผลก็จะยินดีในการใช้ของอันเลิศ
ยินดีในการบริโภคกามคุณอันเลิศในที่ที่ทานส่งผล เช่น เรามีบ้านเป็นคฤหาสน์
เราก็ยินดีในคฤหาสน์
5.ไม่กระทบตนเองและผู้อื่น เวลาบุญส่งผลก็จะเป็นทรัพย์ที่เย็น
ไม่ถูกภัยต่าง ๆ ทำร้าย ทำลาย หรือสูญเสียไปเพราะโจรภัย อัคคีภัย หรือภัยอื่น ๆ
ไม่นำมาซึ่งหายนะ (- เปิด VDO ทำบุญแล้วต้องปลื้ม
โดยคุณครูไม่ใหญ่ ) อย่าลืมปลื้มในบุญให้ได้ตลอด
ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปจนถึงวินาทีสุดท้ายของชีวิตเรา
#ฝันในฝัน
#โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน #โรงเรียนฝันในฝัน #กฏแห่งกรรม #ธรรมะ #แสดงธรรม #นักเรียนอนุบาล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น