วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2561


โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา

วันพุธที่ 13 มิถุนายน พ.ศ.2561

พระครูสังฆรักษ์อนุรักษ์ โสตฺถิโก

แสดงธรรมเรื่อง รักษาใจเอาไว้ แล้วเดินไปด้วยกัน

ห้องSPD 4 สภาฯ

********************

โดยปกติช่วงเดือนมิถุนายนก่อนเข้าพรรษา จะเป็นช่วงเวลาของการออกมาลงข่าวด่าพระ แต่ปีนี้พิเศษเริ่มออกข่าวพระตั้งแต่ต้นปี ก็ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ให้เราได้มาสร้างบุญกุศลกัน ส่วนใครจะสร้างกรรมก็เป็นเรื่องของเขา ส่วนเราก็สร้างบุญของเราไป ไม่เกี่ยวกัน ต่างคนต่างอยู่กัน เพียงแต่ว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา ทำให้คนในสังคมเกิดความสงสัย ตระหนก สารพัดความรู้สึกแล้วแต่ว่ามุมมองแง่คิดจะมีอะไรอยู่ในใจ

วันนี้จะมาพูดเรื่องนี้สักนิด เพราะว่ามันเริ่มเยอะ ปกติก่อนเข้าพรรษา 1 เดือน และออกพรรษา 1 เดือนช่วงทอดกฐินก็จะมีข่าวเกี่ยวกับพระ เป็นแบบนี้มาแล้ว 10 กว่าปี มาแบ่งปันความรู้กันว่าเป็นอย่างนี้ทุกปี แต่ปีนี้พิเศษมีข่าวพระเยอะ

การที่เรามาเป็นพุทธศาสนิกชนมาเข้าวัดทำบุญกันต้องถือว่าเป็นผู้ที่มีโชค มีบุญด้วยถ้ามองในแง่ของพระพุทธศาสนา ได้มาเจอคำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่พระพุทธองค์บอกให้ต้องศึกษากัน มี 3 เรื่อง ศีล สมาธิ ปัญญา ตามที่หลวงพ่อทัตตชีโวท่านให้ไว้ ศีลก็คือเรื่องความสะอาด ... สมาธิเป็นเรื่องของความสว่าง... ส่วนปัญญาเป็นเรื่องของความสงบ

ศีล คือเรื่องความสะอาด เป็นตัวควบคุมกาย วาจาของเราไม่ให้ไปกระทบกระทั่งกับใคร เป็นความสะอาดอย่างหนึ่ง

สมาธิ ขั้นตอนค่อยพูดกัน สุดท้ายไม่ว่าจะนั่งอย่างไร วิธีไหน สายไหน จะเป็นพุทโธ  สัมมาอะระหัง  ยุบหนอพองหนอ หรือสายไหนก็ตามที่มีการฝึกสมาธิดังที่ครูบาอาจารย์ท่านสรุปให้ไว้โดยคร่าวๆ 40 วิธี ไม่ว่าจะฝึกวิธีไหนสิ่งที่จะเกิดขึ้นคือแสงสว่าง ถ้าเมื่อไหร่ ใจนิ่งแสงสว่างจะมา เป็นเรื่องของอารมณ์ของสมาธิ ไม่ว่าจะฝึกวิธีไหนสุดท้ายมาจะเป็นแสงสว่าง concept ของสมาธิคือความสว่าง

ปัญญา คือความสงบ ทำไมสงบ เพราะว่าเรารู้ทัน เราเข้าใจ ไม่มีอะไรต้องสงสัย เห็นเหตุการณ์เราจะนั่งนิ่งๆ เจอข่าวด่าพระเราก็จะนิ่งๆ เราก็รู้ว่าเรื่องที่เขาว่ามาเป็นเพียงความเห็น ไม่ใช่ความจริง อาจจะเป็นความเห็นของนักข่าว ความเห็นของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง เป็นความเห็นของใครก็ตาม มันเป็นเพียงความเห็น ถ้าเราเข้าใจและรู้เรื่องราวนั้นจริงๆ เราก็จะเฉยๆ จะเข้าใจ

ส่วนเรื่องราวของพระพุทธศาสนาเราก็ศึกษากันไป คำสอนจะเป็นอะไรสุดท้ายถึงจุดสุดๆ แล้ว  เข้าใจตัวเราเองมากที่สุด  ตัวเราเองมันเป็นแบบนี้ มีกาย  มีใจ มีคำที่อยู่ในใจอีกทีหนึ่งที่เราจะต้องศึกษา พอเราเข้าใจแล้วก็เข้าใจโลกทั้งหมดเราก็สงบ นี่คือสิ่งที่มันเป็น

ดังนั้น การที่เราเห็นว่ามีความสับสนเกิดขึ้นในบ้านเมืองตอนนี้  ฟ้องว่า...ปัญญาในที่นี้ เป็นปัญญาในทางพระพุทธศาสนา คือเรารู้เท่าทันสังขารและกิเลสของตัวเองมันน้อยไปนิด  คนไม่ค่อยได้มองตัวเอง  คนมองออกนอกตัวเยอะ พยายามจะเรียกร้องนั่น โน่น นี่ คือสิ่งที่มันเป็น

วันนี้เอาธรรมะบางข้อมาเล่าให้ฟัง ช่วงแรกอยากปูพื้นฐานก่อนว่ากระบวนการ การรับรู้ของคนเป็นอย่างไร จะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นแบบนี้

ถ้าเกิดเหตุการณ์อะไรมาสักเหตุการณ์หนึ่ง หรือเรื่องราวอะไรสักอย่างหนึ่งขึ้นมา แล้ว เราเองมีส่วนได้รู้ได้เห็นในเหตุการณ์นั้นๆ หรือเรื่องราวนั้นๆ โดยปกติสิ่งแรกที่คนเราจะทำโดยปกติจะเป็นอัตโนมัติ คือ เราจะมีข้อมูลชุดหนึ่งอยู่ในใจ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลอะไรที่เรามี ข้อมูลชุดนี้จะส่งผลต่อความรู้สึกของเรา จากนั้นเมื่อความรู้สึกเกิด จะบวก ลบ หรือเฉยๆ เมื่อเกิดความรู้สึกขึ้น เราจะมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างไร นี่คือขั้นตอนในการรับรู้เรื่องราวทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในโลก

ถ้าพูดถึงเรื่องการรับรู้ของใจ ภาษาพระเรียกว่าเวทนาที่มากระทบ เป็นตัวที่เรารับ ตัวนี้จะดึงจากข้างในมา ถ้าเป็นคนฝึกสายวิชชาธรรมกาย หรือลูกศิษย์วัดพระธรรมกายก็จะได้ยินคำหนึ่งบ่อยๆ ประโยค เห็น จำ คิด รู้ ที่เราได้ยิน  นี่แหละเวทนา  คือ เห็น ตัวรับ  จำ คิด รู้ แล้วมันจะดึงตัวรู้เอาออกมาใช้ว่าเรื่องที่เรารับมันเรื่องอะไร รับผ่านอะไรได้บ้าง ผ่านตา หู จมูก ลิ้น กาย แล้วมากระทบใจ 


นี่คือสิ่งที่เรารับ ชั้นข้อมูลที่อยู่ข้างในที่เรารู้ก็จะออกมาทำให้เรารู้สึก เห็น จำ เราจำได้ คิดเรื่องนี้จะเป็นยังไง  แล้วสุดท้ายเรารู้ว่ามันจะตอบสนองแบบนี้ นี่คือการทำหน้าที่ของใจเรา พอเรามีชุดข้อมูลอยู่ รับเรื่อง แล้วมันจะตอบสนองมาเป็นอารมณ์  แล้วสุดท้ายมันก็อยู่ที่การกระทำว่าเราจะทำอะไร


คนเราจะตอบสนองสิ่งที่เป็นภัยต่อตัวเองอย่างเร็ว เมื่อไหร่รู้สึกว่ามันเป็นภัย ถ้าใจรู้ว่าสิ่งนี้เป็นภัยต่อตัวเรา เราจะตอบสนองเร็ว ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์กลัว อารมณ์โกรธ  ตรงนี้เรียกว่าสัญชาติญาณ  ทุกคนมีสัญชาติญาณอยู่ในใจ โดยเฉพาะคนไทยพร้อมที่จะ Drama เสมอ

โดยปกติคนเราจะตอบสนองต่อความกลัวก่อน ความกลัวทำให้เราพัฒนาจากยุคโบราณมาถึงทุกวันนี้ กลัวความมืดก็ไปหาแสงสว่าง สุดท้ายกลัวตายก็ไปหาวัคซีนวิธีรักษา ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเพราะว่าสัญชาติญาณที่เกิดขึ้นโดยการเอาตัวรอดของมนุษย์

สัญชาติญาณ ดราม่า เมื่อเกิดขึ้น มันมีปฏิกิริยาโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความกลัวจะเป็นตัวแรกทำให้เกิดวิวัฒนาการขึ้นเพราะว่ามันมากับความไม่รู้   ความไม่รู้ของคนเรียกว่าอวิชชา  พอไม่รู้ก็กลัวเป็นปกติ   ตอนไปเรียนการประชาสัมพันธ์  ตรงนี้คนยังมีความไม่รู้อยู่  จะ กลัว ดังนั้นการจะให้ประชาสัมพันธ์ที่ดีก็คือว่าให้ข้อมูลให้เขา ได้รับรู้ แล้วเดี๋ยวเขาจะหมดความกลัว พอเข้าใจมีปัญญาเริ่มรู้ เริ่มเข้าใจก็จะหมดความกลัว  ดังนั้นความกลัวมันติดมาอยู่ในใจมนุษย์  เมื่อไหร่มีความกลัวเขาบอกไว้ว่าอย่าตัดสินใจอะไรเด็ดขาด

เพราะว่าเมื่อไหร่เรากลัว โดยจิตวิทยาบอกว่า ใจเราจะปิดการรับรู้บางอย่าง จะเลือกรับข้อมูลแค่บางเรื่อง  ที่เราโอเค  แต่ไม่ได้หมายความว่าถูกต้อง ฐานข้อมูลเก่าเรามียังไงจะเลือกเข้ามาแบบนั้น อย่างเช่น มีคนบอกจะมีคนบุกวัด ภาพข้อมูลเก่ามาเลยตกใจรีบเข้าวัด แบบนี้คือกระบวนการรับรู้ของคน


ดังนั้นเมื่อได้รับข่าวสารข้อมูลอะไร อย่าเพิ่งตกใจ เพราะเมื่อไหร่เราเกิดความกลัว เราจะเห็นอะไรบางอย่างไม่ตรงกับความเป็นจริงนั้น

 

วันนี้ ข่าวที่ส่งกันในไลน์ เขียนกันในเฟสบุ๊คสารพัดเรื่อง เพราะว่าทุกอย่างที่ได้ส่งต่อกันในตอนนี้เท่าที่ได้ดูเกิดจากความกลัวทั้งสิ้น และความไม่รู้ทั้งสิ้น สื่อเขาจะต้องเลือกใช้ฐานข้อมูลที่ส่งออกไป  แล้วคนอ่าน คนรับรู้จะต้องรับ จะต้องชอบ คนเราพอกลัวแล้วจะชอบ ตัวอย่างพาดหัวข่าว ฝนตกเหมือนปีที่แล้ว น้ำจะท่วมเหมือนปี 54 คิดว่าคนจะชอบอ่านข่าวที่พาดหัวว่าน้ำจะท่วมเหมือนปี 54 ถ้าเนื้อข่าวเหมือนกันแต่พาดหัวไม่เหมือน กระบวนการในการรับรู้ก็ไม่เหมือนกัน 

เขาพาดหัวข่าวให้เราฮุบ เหมือนปลาฮุบเหยื่อแล้วข้อมูลเก่ามันจะดึงออกมาอย่างนี้ เขาก็ต้องเลือกสิ่งที่เขาขายได้ และถ้าสมมติว่าไปเจอคนที่ให้ข้อมูลผิดๆด้วยพอมาบวกกันก็จะเข้ารกเข้าพงกันไปใหญ่ อย่างเช่นมีนักวิชาการออกมาพูด ข้อมูลไม่ค่อยถูก แล้วไม่รับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองพูดด้วย

ตรงนี้เป็นสิ่งที่เป็นอันตรายมากสำหรับโลกในยุคแบบนี้ แต่บอกไว้ก่อนนะ  ถ้าพูดแบบนี้เดี๋ยวความรู้สึกฐานข้อมูลมันจะออกมาอีก อย่าไปกลัว ทำใจนิ่งๆ  มีสื่อไม่กี่สื่อ มีคนแบบนั้นแค่ไม่กี่คน  ที่ออกมาพูด แล้วมันจะทำให้เราตกใจ ไม่ต้องไปสนใจคนแบบนี้ เขาแค่เรียกร้อง เป็นคนที่ต้องการการยอมรับจากคนอื่น จึงต้องออกมาพูดให้บ่อยหน่อย เพื่อเรียกร้องต้องการหวังผลอะไรก็ว่ากันไป อาจไม่เคยเลือกตั้งได้ แล้วอาจจะต้องการเลือกตั้งได้บ้าง ก็เลยออกมาพูดช่วงนี้ มันแปลกดีเหมือนกันนะ

อย่าไปตกใจกับสิ่งที่คนพวกนี้เขาพูด เพราะว่าเขาแค่ดึงข้อมูลที่เขารู้ว่าคนเราชอบข้อมูลแบบไหน เขาจะเลือกข้อมูลแบบนั้นมาพูดให้เรากลัว อย่าไปกลัวคนแบบนี้ คนที่เรียกร้องความสนใจ เหมือนเด็กร้องไห้  นิสัยเหมือนเด็ก ร้อง แล้วถีบเท้า ๆ ให้ทุกคนมาสนใจ ถ้าให้ดีก็คือไม่ต้องไปสนใจเขา ให้เขาอยู่นิ่งๆ  สักพักเดี๋ยวจะนิ่งเอง

ดังนั้นถ้ามีใครมาให้ข้อมูลทำใจกลางๆ ทำใจนิ่งๆไว้ก่อน วันนี้จึงจะพูดว่า เรามารักษาใจเอาไว้ แล้วก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยกัน ถ้าเราไม่รักษาใจ จะมีคนเอาข้อมูลแบบนี้มาใส่ ขยะทั้งนั้นเลย เราต้องการจะทำใจให้ใส 1 เดือนก่อนจะเข้าพรรษา ทุกปี   ปีนี้พิเศษเอาขยะออกบ้างเถอะ แล้วทำบุญ นึกบุญอะไรได้อยากทำ ทำเลย ขอให้เป็นบุญ เป็นความดีแล้วใจเราจะใส ใจเราจะสบาย ข่าวไหนขุ่นไม่ต้องอ่าน อ่านแล้วตกใจ อารมณ์ที่ตอบสนองรุนแรงมักจะเป็นเชิงลบ จะทำให้ใจขุ่น  ใจใสเป็นบุญ  ใจขุ่นเป็นบาป  นี่เป็นกลไก อย่าไปตกใจ ทำความเข้าใจแล้วเราจะมีปัญญา แล้วเราจะนิ่งเฉย เจอเหตุการณ์อะไร เราสนใจแต่สิ่งที่เป็นประโยชน์

คำสอนของพระพุทธเจ้าถือว่าเป็นความดี เป็น อกาลิโก ไม่ว่าที่ไหนทุกมุมโลกทุกคนจะรับรู้ว่าคนๆนี้ลูกพระพุทธเจ้าเป็นคนดี พระภิกษุถือว่าเป็นลูกพระพุทธเจ้านี่คือสิ่งที่พวกเราทำ

ที่วัดพระธรรมกายทำอยู่คือส่งพระไปทั่วโลก ต้องการอยากจะให้คนทั้งโลกมีความสุข เอาความสุขไปปันให้กับเขา ให้เขาได้รับความสุขอย่างที่เราเป็น เหมือนนักเรียนในโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาแห่งนี้ เราก็อยากเอาความสุขไปปันให้กับชาวโลก นี่คือสิ่งที่เราทำไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อน ไม่มีหน้าไม่มีหลังแค่เอาความสุขไปปันกันแค่นั้นเอง ให้ได้สัมผัสกับความสุขที่ได้เจอองค์พระภายใน ไปเจอความเย็น ความสว่างภายใน ไปเจอดวงแก้วภายใน หรือแค่นั่งแล้วรู้สึกสบายก็เป็นความสุข

  (ปันความสุข)

เมื่อวาน มีคนคนหนึ่งที่ชาวโลกมองว่าเป็นผู้ร้ายของโลกเขาก็มาทำสัญญากันที่ประเทศเพื่อนบ้านของเรา เขายังยอมมา อยากจะให้ประเทศ เรื่องราวมันสงบ แล้วทุกคนมีความสุข แต่บ้านเราไม่รู้เป็นอะไรอยากจะให้มันวุ่นวาย สงบกันบ้างแล้วจะทำให้ชีวิตที่อยู่ร่วมกันในประเทศแผ่นดินนี้มีความสุขกันต่อๆไป  อย่าคิดอะไรมากเลย เราเกิดมา แต่เช้าเราก็อยากมีความสุข คนอื่นก็รู้สึกเหมือนกัน

ดังนั้นไม่ว่าจะมีข่าวไม่ดีนักที่ออกมาให้เรารับรู้ตอนนี้ก็ฝากนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาทุกคนว่า ไม่ว่าจะมีข่าวอะไรให้เราได้รับรู้ ขอให้ทำจิตให้สงบ ตั้งใจให้มั่นไว้ก่อน ถ้าใจเราไม่สงบมันจะร้อน จะกลัว คุมใจให้ได้ ฝึกใจให้ได้ตามที่คุณครูไม่ใหญ่ท่านสอน ที่คุณครูไม่เล็กท่านแนะนำทำเข้าไป รักษาใจให้ดี สิ่งที่กระทบใจเดี๋ยวมันก็ผ่านไป

ส่วนเรื่องราวมันจะเป็นอะไรอย่างไรปล่อยไป ผู้รู้เยอะในประเทศไทย ผู้รู้เกี่ยวกับพระพุทธศาสนาออกมาเยอะมาก ดูๆทีวีไปก็สงสัยเหมือนกันก็เลยคิดโครงการบวช น่าจะดี อุปสมบทรุ่น  กรูรูผู้รู้ทางพระพุทธศาสนา เห็นผู้รู้ออกมาพูดเรื่องพระธรรมวินัย แต่ไม่ได้บวชเป็นกรูรู ออกมาพูดกันสามสี่คน  ถ้ากรูรูอยากบวชก็ติดต่อหลวงพี่ได้  จีวรไม่มีจะออกค่าจีวรให้ด้วย  ถ้ากรูรูชุดนี้ได้บวชหลวงพี่ว่าพระพุทธศาสนาคงเจริญรุ่งเรือง นักกฎหมายต้องบวชนาน อย่างต่ำต้อง 20 พรรษาเพราะว่าออกกฎหมายควบคุมไปถึงเจ้าคณะปกครอง เพื่อความรู้ความเข้าใจ ต้องมาทำวิจัยทางด้านกฎหมาย เพื่อที่จะดูว่ากฎหมายที่ตัวเองร่างไว้มันใช้ได้จริงหรือไม่

ในยุคนี้รัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่า ถ้าจะออกกฎหมายให้ใครใช้คนกลุ่มนั้นจะต้องมีส่วนรู้ส่วนเข้าใจก่อน ดังนั้นขอเสนอว่าถ้าอยากจะเสนอกฎหมายอะไรก็ตามยังไม่เคยบวชก็ต้องมาบวชก่อน บวชนานด้วยเพราะต้องทำวิจัยให้ครบรอบมุมว่า เป็นนวกะ เป็นมัชฌิมะ เป็นเถระ เป็นเจ้าคณะปกครอง เป็นเจ้าอาวาสต้องทำอะไรอย่างไรจึงจะออกกฎหมายมาได้ครอบคลุมและชัดเจน เพื่อความมั่นใจว่ากฎหมายที่ออกมาจะใช้ได้เต็มประสิทธิภาพต้องทำวิจัยก่อน ยุคนี้งานวิจัยสำคัญมาก นี่คือข้อเสนอแนะสำหรับกรูรูผู้รู้ทางพระพุทธศาสนาที่ออกมาตามหน้าสื่อกันตอนนี้สามสี่คนเขากล้าที่จะพูด แล้วเราชาวพุทธทำอะไรกันดี

อย่างที่บอกอย่าไปสนใจอย่าไปให้น้ำหนัก เขาพูดเขาอยากให้คนมาสนใจในสิ่งที่เขาพูดก็เท่านั้นเอง นักพูดเป็นนักสร้างความหวัง นักฟังเป็นนักสร้างความจำ นักธรรมเป็นนักสร้างความจริง ฝากไว้ว่าอย่าไปพูดอย่างเดียวเลยทำดีกว่า เหมือนเจ้าคุณรูปเมื่อกี้ท่านพูดไม่เยอะ แต่ให้ท่านพูดนะพูดเก่ง ท่านทำ ท่านสร้างวัด ขอแก้ข่าวให้ท่านด้วยว่าที่บอกว่าท่านไปสร้างวัด 23 วัดที่ยุโรปอันนี้ขอแก้ข่าว ที่จริง 30 วัดนะ ข้อมูลจะได้ชัดเจน

ถ้าเราได้รู้มีฐานข้อมูลมีชุดข้อมูล เราจะสามารถตัดสินใจ หรือรับฟังอะไรแล้วเราจะเข้าใจเรื่องราวนั้นได้ว่าตกลงน่าเชื่อหรือไม่เรื่องราวที่เขามาพูด ไม่ว่าเขาจะมีด็อกเตอร์กี่ใบ เป็นนักวิชาการหรืออะไรก็ตามแต่ข้อมูลที่เขาพูดถ้าไม่จริง อย่าไปฟังเลยมันเป็นสิ่งที่รกหู มันเสียเวลาที่จะไปสนใจ สนใจอยู่กับงานบุญเราเถอะ

พระพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่าเราเป็นชาวพุทธสนใจแต่พระธรรมวินัยเถอะ ใครจะเอาความเห็นของตัวเองมาพูดฟังได้ระดับหนึ่งถ้าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ถูกและดี เราฟังพุทธดำรัสเถอะ พระพุทธเจ้าท่านฝากไว้ธรรมและวินัยจะเป็นศาสดา ใครจะเอาอะไรมาเสนอโดยที่ไม่ได้อิงกับคำสอนของพระพุทธเจ้าอย่าไปสนใจ

เราเป็นชาวพุทธ หน้าที่ที่เราต้องทำ ขอยกเข้ามาให้รู้ว่าหน้าที่ของโยมมีอะไรบ้าง

1.ปฏิบัติต่อท่านด้วยจิตเมตตา

2.พูดกับท่านด้วยจิตเมตตา

3.คิดต่อท่านด้วยจิตเมตตา

4.ให้การต้อนรับด้วยความเต็มใจ

5.ถวายทานหรือปัจจัย 4 เป็นประจำ

นี่คือสิ่งชาวพุทธควรต้องทำ ปฏิบัติกับท่านด้วยความเมตตาไหม ถ้าเจอเหตุการณ์อะไร ตรงนี้ขอให้เป็นฐานข้อมูลของเรา เป็นชุดข้อมูลในใจว่าคนนี้ปฏิบัติกับพระด้วยความเมตตาหรือเปล่า พูดกับพระด้วยจิตเมตตาหรือเปล่า หรือคิดกับท่านด้วยจิตเมตตาหรือเปล่า จะรู้ว่าคิดอย่างไรก็ดูสิ่งที่เขากระทำ และสุดท้ายถวายทานเป็นประจำ เดี๋ยวนี้มันลำบากเขาจะให้กัปปิยการก คือคนดูจัดการเรื่องราวให้กับพระ พระ 300,000 ทั่วประเทศปัจจุบันยังไม่มี จริงๆถ้าพระไปไหนอย่างน้อยต้องมีกัปปิยการก 1 คนตามไปด้วย ไปจ่ายเงินให้ทำธุระให้ หลวงพี่ก็ไม่มี และก็เชื่อว่าพระส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่มี

ดังนั้นถ้าหากบอกว่าไม่ให้พระจับเงิน อย่างที่กรูรูทั้งหลายพูดกันมันเยอะนะ แต่ว่าก็น่าดีใจก็คือกรูรูส่วนหนึ่งเข้าใจในบริบทความจริงว่า การที่พระจับเงินมันได้อยู่ ในมุมมองของเขา เขาเข้าใจอันนี้ต้องขอบคุณด้วย ไม่ใช่จะมีแต่คนที่พยามยามปองร้ายกับพระที่ดีๆก็มี เราเลือกฟัง เลือกรับข้อมูลและหลักการเป็นอย่างไร คนไหนคิด พูด ทำกับพระด้วยจิตเมตตา แล้วก็เข้าไปปฏิบัติกับพระต้อนรับพระเป็นอย่างดีอย่างนี้ใช้ได้ดูกันไว้ก่อน

แล้วพระภิกษุละ ไม่ใช่จะให้แต่โยมทำอย่างเดียว ตัวเองก็ต้องทำด้วย พระก็ต้องห้ามไม่ให้โยมทำความชั่ว ให้ทำแต่ความดี มีเมตตาอนุเคราะห์ เห็นนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยานั่งอยู่เลยจะเป็นต้องมาพูด แล้วก็เป็นครูสอนศีลธรรมก็เรื่องที่เล่าอยู่ตรงนี้มีแทรกศีลธรรมไปบ้างแต่ให้มันง่ายๆนิดหนึ่งเราจะได้เข้าใจเรื่องราวได้ง่ายขึ้น แล้วก็อธิบายธรรมะให้แจ่มแจ้งอันนี้พยายามอยู่เพราะธรรมะ แต่ละเรื่องที่มาพูดอยู่ เชื่อว่าพระอาจารย์แต่ละรูปที่มาทำหน้าที่แทนคุณครูไม่ใหญ่คงพยายามอย่างเต็มที่จะพยามยามอธิบายธรรมะให้เราได้เข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง ทั้งหมดที่ทำอยู่เพื่อชี้ทางสวรรค์ให้ นรกอย่าไปเลยไปสวรรค์ นรกให้ใครก็แล้วแต่ให้เขาทำให้เขาทำไป เราไปสวรรค์กันเถอะ

ขอยกคำของกรูรูบางท่านมาให้พวกเราได้อ่าน กรูรูที่โอเค มันน่าจะเป็นประมาณไหน ท่านมาพูดถึงเรื่องพระรับเงิน ยกมาจากหนังสือพิมพ์หัวชมพู นักวิชาการท่านนี้ท่านพูดดี ท่านบอกว่า ส่วนการที่พระรับเงินนั้นตามพระธรรมวินัยอาบัติปาจิตตีย์ ถือเป็นอาบัติเบาที่สามารถลงอาบัติคือทำให้ตกไปได้ทำให้ไม่มีผลได้ ปลงอาบัติได้ เหมือนกรณีพระขุดดินตัดต้นไม้ก็ถือเป็นอาบัติปาจิตตีย์เช่นกัน

ชาวบ้านมองว่าพระตัดต้นไม้ปลูกต้นไม้ในวัดให้ร่มรื่นสะอาดตาเป็นพระขยันพระดี พอจับเงินอาบัติตัวเดียวกันเลยเป็นเรื่องเป็นราวต้องสึก นี่คือกรูรูที่มองโลกตรงตามความจริง แต่ว่ามันปลงได้ตอนทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น เพราะรู้ว่าตัวเองมีผิดพลาดอยู่แล้วศีลตั้ง 227 ข้อ วินัยอีก 20,000 กว่าข้อ มีผิดแน่นอนอยู่แล้ว แต่มันไม่ใช่อาบัติใหญ่ ท่านบอกว่ามันไม่เหมือนกับปาราชิกที่เป็นแล้วก็หมดความเป็นพระไปก็ยกไว้ แต่เรื่องอาบัติเล็กๆน้อย พระจับเงินมันปลงได้ เพราะเราไม่มีกัปปิยการกเดินตามไปด้วย นี่คือสิ่งที่อยากจะให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาได้มีชุดข้อมูลนี้ไว้ในใจ

ขอยกเรื่องราวให้เราได้ศึกษากันสักนิด เป็นเรื่อง สังฆเภทสิกขาบท คือว่าด้วยการทำสงฆ์ให้แตกแยกกันเป็นเรื่องของพระเทวทัต ที่ตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมา 5 ข้อให้ตัวเองดูแล้วว่าถ้าคนทำตาม 5 ข้อนี้จะเป็นไปเพื่อความมักน้อยสันโดษ ความขัดเกลา ความกำจัดและอาการที่น่าเลื่อมใสการไม่สะสมและปรารภความเพียร เอาเรื่อง 5 ข้อนี้ไปเสนอพระพุทธเจ้า มีดังต่อไปนี้

1.ภิกษุให้อยู่ป่าตลอดชีวิต ถ้าเข้าบ้านมีโทษ

2.บิณฑบาตตลอดชีวิตรับกิจนิมนต์มีโทษ

3.ถือผ้าบังสุกุลตลอดชีวิตรับผ้าที่เขานำมาถวายมีโทษ

4.ควรอยู่โคนต้นไม้ตลอดชีวิตเข้าไปอยู่ในที่มุมบังมีโทษ

5.ไม่ควรฉันปลาและเนื้อตลอดชีวิต ใครฉันปลาและเนื้อมีโทษ

พระเทวทัต บอกกับลูกศิษย์ว่า พวกเราสามารถที่จะใช้วัตถุ 5 ประการเหล่านี้ทำลายสงฆ์ ทำลายจักรของพระสมณโคดมได้เพราะยังมีมนุษย์ที่เลื่อมใสในการปฏิบัติปอนๆ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสว่า อย่าเลยเทวทัต ภิกษุรูปใดปรารถนาจะอยู่ป่าก็อยู่ป่า ปรารถนาอยู่ละแวกบ้านก็อยู่ละแวกบ้าน พระภิกษุรูปใดอยากบิณฑบาตก็บิณฑบาต พระรูปใดต้องการรับกิจนิมนต์ก็รับกิจนิมนต์ พระรูปใดปรารถนาจะถือผ้าบังสุกุลจะรับที่คหบดีมามอบหรือเขามาถวายก็รับถ้าปรารถนา ในเรื่องของปลาและเนื้อถ้าไม่ได้เห็นไม่ได้ยินไม่ได้สงสัยฉันได้

พระเทวทัตรู้ว่าพระพุทธเจ้าไม่รับเรื่องนี้ก็ร่าเริง เทวทัตพร้อมลูกศิษย์ออกไปบอกกับประชาชนว่าเรื่องที่เคร่งครัดพระพุทธเจ้าไม่รับ ผู้ที่ไม่มีศรัทธาไม่เลื่อมในมีความรู้ไม่ดีกล่าวว่า พระสมณเชื้อสายศากยบุตรเหล่านี้ ประพฤติ ดำริเพื่อความมักมาก ไม่เคร่งแบบเทวทัต

แต่มีกลุ่มหนึ่งที่มีศรัทธา เลื่อมใสเป็นบัณฑิตเฉลียวฉลาดมีความรู้ดี ตำหนิ ประณามโพนทะนาว่า ไฉนพระเทวทัตจึงเพียรพยายามเพื่อทำลายสงฆ์ เพื่อทำลายของพระผู้มีพระภาคเล่า

นี่คือสิ่งที่เขาทำเหตุการณ์คุ้นๆนะ คงไม่ต้องบอกว่าอะไรยังไง นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้น  มันไม่ใช่เรื่องใหม่  ที่บอกว่าคนนี้เคร่ง คนนี้ไม่เคร่ง มันเคยมีตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว ดังนั้นเจอเรื่องราวอะไรแบบนี้อย่าไปไหลตามเขา นี่เป็นฐานข้อมูล เป็นชุดข้อมูลในทางดีที่อยากให้พวกเรานักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยามีไว้ ถ้าใครมาพูดอะไรลักษณะแบบนี้จะได้ไปบอกเขาว่ามันไม่ใช่อะไรที่เลวร้ายขนาดนั้นที่พระจะรับเงินรับทองหรืออะไรแบบนี้ ยกเว้นคุณจะเป็นกัปปิยการกให้ท่าน

พระท่านจะซื้อของ ต้องมีคนเดินทางตามไปจ่ายให้ท่าน เผื่อมีอะไรต้องตามดูแลท่านตลอด  ถ้าทำอย่างนี้ไม่เป็นไร แต่ถ้ายังไม่ทำแบบนี้อาบัติปาจิตตีย์ก็ยกให้ท่านสักนิดก็ได้เพราะพระเองก็ถือว่ายังต้องฝึกตัวอยู่ อาบัติเล็กน้อยพระพุทธเจ้าท่านก็ให้ช่องไว้ ปลงได้ สำนึกผิดว่าเรากระทำผิดไปแล้ว  นี่เป็นสิ่งที่มันเป็นอยู่  อย่างที่นักกฎหมายเขาว่ากันมันคงไม่ต้องตึงขนาดนั้น  เขาพยายามจะให้เห็นที่คนส่วนใหญ่ชอบอะไรปอนๆ .. คนส่วนใหญ่ไม่ศรัทธา ..ไม่เลื่อมใส และก็มีความรู้น้อยจะชอบอะไรปอนๆ

แต่ในความเป็นจริงคนที่มีความรู้มีศรัทธาเลื่อมใสและเป็นบัณฑิตนักปราชญ์จะเข้าใจ เห็นวัดใหญ่ๆวัดที่พร้อมจะทำงานไปในระดับโลกเอาพระพุทธศาสนาไปเผยแพร่ทั่วโลกเขาจะปีติ เขาจะสดชื่นเหมือนนักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา เพราะเรารู้ว่าเราทำแล้วเราได้อะไร ก็ขอให้นักเรียนโรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยาและชาวพุทธทุกท่าน ตั้งสติแล้วอยู่ในเกมของเรา  เขาเล่า..เขาก็จะเอาเรื่องที่ทำให้พระดูแย่  ที่เป็นภัยต่อพระภิกษุ คือเรื่องสตางค์ และเรื่องสตรี เขาจะเอา 2 เรื่องนี้มาโจมตีพระภิกษุ

ตอนนี้มันมีอีกเรื่องสำหรับคนยุคโซเชียลนี้ คือ สติ  ถ้าไม่มีสติคนก็จะหลงตามชุดข้อมูล ขอให้มีสติกันหน่อยเป็นชาวพุทธ เพราะในปัจฉิมโอวาทของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระองค์ทรงบอกไว้ว่า ภิกษุทั้งหลายบัดนี้เราขอเตือนพวกเธอว่าสังขารทั้งหลายมีความเสื่อมเป็นธรรมดา พวกเธอจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด  มีสติในการรับข้อมูลนั่นเอง ตั้งสติให้ดีอย่าไปหลง เขาจะลากเราไป อย่าไปหลงตามนั้น

 หน้าที่ของชาวพุทธที่ดี

1.ศึกษาธรรม

2.ปฏิบัติธรรม เอาไปใช้ด้วย

3.เผยแผ่ธรรม ชวนเขาด้วย

4.ปกป้องธรรม ตั้งสติทำหน้าที่ชาวพุทธให้ดี

ถ้าเราทำหน้าที่ชาวพุทธนี้อย่างดีพระพุทธศาสนาจะอยู่คู่โลกได้ อย่าไปด่า อย่าไปทำร้ายเขา แผ่เมตตาแล้วทำหน้าที่ชาวพุทธ ให้ความรู้ที่เรารู้แล้วแก่ชาวโลก ไปบอกให้เขาทราบ นี่คือสิ่งที่มันเกิดขึ้นอย่าให้ของนี้มันมารกใจเรา อารมณ์แรงๆ ตื่นตระหนก ตกใจ อย่าให้มันมี เพราะมีเมื่อไหร่มันหมายความว่าใจมันขุ่น 


เมื่อใจใสเป็นบุญ ใจขุ่นเป็นบาป เรารู้อยู่แล้วเราทำตามนั้นเถิด อย่างที่เราได้รับคำสอนจากครูบาอาจารย์ ครูบาอาจารย์ของเราดีนะสอนให้เราได้เข้าใจเรื่องราวทั้งหลาย ให้เราได้เห็นว่ามันเป็นยังไง ลูกศิษย์วัดนี้ไม่ได้บ้าบุญนะ เข้าใจบุญ เพราะครูบาอาจารย์เราจะสอน ทำไมถึงต้องทำแบบนี้ ทำแบบนี้แล้วได้อะไร คนอื่นว่าเขาไม่ได้หรอกเพราะเขามีภาระหลายอย่าง

จริงๆถ้าพูดถึงเรื่องที่กรูรูเขาเรียกร้องเรื่องเกี่ยวกับการรับเงินของพระ  มันต้องมีของกองกลาง ต้องมีจีวรกองกลาง มีของใช้กองกลาง ที่วัดพระธรรมกายมีของกองกลางนะ สิ่งที่กรูรูอยากเห็นถ้าอยากมาดูงานเชิญมาดูงานได้ที่วัดพระธรรมกาย มีของกองกลาง มีเงินกองกลางด้วย แต่พระต้องเต็มใจที่จะถวายเองนะ ส่วนบางคนมีความจำเป็นต้องส่งให้พ่อแม่อยู่ลำบากที่บ้านนอกก็ส่งไป ถือว่าเป็นสิ่งที่ญาติโยมเขาถวาย พระรับมาแล้วไม่ได้ยึดติดกับเงินก็ทำบุญ วัดนี้พระก็ทำบุญ ถ้าอยากมาศึกษาดูงานที่นี่ได้ หลวงพ่อ คุณยายอาจารย์ตั้งกรอบไว้ดี จริงๆมาจากวัดปากน้ำที่หลวงปู่ท่านวางพื้นฐานไว้ สั่งสอนให้ญาติโยมเข้าใจธรรม ทำบุญเมื่อเข้าใจบุญก็ทุ่มเททำเพราะเรารู้ว่าบุญสำคัญมาก หมดบุญก็ตาย บุญเราต้องทำทุกวัน บุญแค่นึกถึงเราก็ได้บุญ

พระสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านบอกไว้ว่า ภิกษุทั้งหลายอกุศลกรรมเข้ามาไม่ได้ตลอดเวลาที่ศรัทธาในกุศลธรรมทั้งหลายยังตั้งมั่นอยู่  แต่เมื่อใดศรัทธาเสื่อมหายไป ความไม่มีศรัทธากลุ้มรุมอยู่ เมื่อนั้นอกุศลธรรมก็เข้ามาได้ บุคคลควรรีบเร่งทำบุญ ควรห้ามจิตจากบาป เพราะเมื่อทำบุญช้าไป ใจจะยินดีในบาป

ดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่เริ่มต้น ที่เล่าให้เราฟังตั้งแต่เริ่มต้น สรุปว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นอย่าไปสนใจ เรื่องราวที่ทำให้ใจเราตื่นตระหนก ตกใจอย่าไปสน ขอให้รักษาใจให้นิ่ง ให้ปลื้ม อันนี้สำคัญมากนะความปลื้ม มันจะทำให้อย่างอื่น ความกลัวอาจจะเป็นโปรแกรมที่แรง แต่ความปลื้มมันแรงยิ่งกว่าถ้าเราได้ทำบุญไปแล้ว และทำบุญด้วยความปลื้ม ฝากไว้ว่ารักษาความปลื้มไว้ให้ได้ทุกวัน

 เขาต้องการให้ศรัทธาของชาวพุทธหาย  ไป  อย่าให้ศรัทธาของเราตกปลูกฝังศรัทธาไว้ผ่านกิจกรรมที่เราทำ ผ่านบุญที่เราทำ ถ้าเมื่อไหร่ธรรมะอยู่แค่ในตู้พระไตรปิฎกก็ไม่มีอะไรดีขึ้น แต่ถ้าเมื่อไหร่เราเอาธรรมะเหล่านั้นมาทำเกิดความปลื้ม เพราะธรรมะของพระพุทธเจ้าแปลก บุญทำแล้วปลื้ม ปลื้มแล้วจะทำให้บุญเกิดมากๆ  ทับทวีไปเรื่อยๆ รักษาความปลื้มไว้แล้วช่วงเวลาสุดท้ายคือศึกชิงภพก่อนที่จะละโลก ช่างนั้นถ้าเราปลื้มอย่างไรก็ไปดี

ดังนั้นตราบตั้งแต่วินาทีนี้ไปจนถึงวันสุดท้ายของชีวิตของพวกเราทุกคนขอให้รักษาความปลื้ม รักษาความใสเอาไว้ตราบสิ้นชีวีของเราทุกคน


#รักษาใจเอาไว้ แล้วเดินไปด้วยกัน  #โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา
#
พระครูสังฆรักษ์อนุรักษ์ โสตฺถิโก

#ฝันในฝัน   #โรงเรียนอนุบาลฝันในฝัน   #โรงเรียนฝันในฝัน  #กฏแห่งกรรม #ธรรมะ #แสดงธรรม #นักเรียนอนุบาล  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา วันจันทร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2561   พระครูสังฆรักษ์อน...